in Politics, Technology

Weapons of Mass Disruption

ถ้าใครทันยุค George W. Bush บุกอิรักช่วงปี 2003 มีคำศัพท์ยอดฮิตคืออเมริกาอ้างว่าอิรักมีอาวุธทำลายล้างสูง Weapon of Mass Destruction (WMD) ซึ่งมีความหมายครอบคลุมตั้งแต่นิวเคลียร์ อาวุธเคมี ชีวภาพ ฯลฯ จึงเป็น “เหตุจำเป็น” ให้ต้องยกทัพบุกอิรัก (แม้สุดท้ายไม่เจออาวุธดังกล่าว)

WMD กลายเป็นคำศัพท์สำคัญด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ (มีหน้าเว็บของตัวเองบนเว็บกระทรวง Homeland Security) แต่โลกยุคหลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีเรื่อง WMD วนกลับมาให้เห็นอีกสักเท่าไรนัก

ล่าสุดมีโอกาสได้ฟัง Ian Bremmer ผู้เชี่ยวชาญด้าน geopolitics ของโลก ผู้ก่อตั้งบริษัท Eurasia Group ไปออกรายการ podcast ของ Kara Swisher และโดย Ian ยกคำว่า Weapons of Mass Disruption ขึ้นมา (Disruption ไม่ใช่ Destruction)

ตอนแรกผมฟังผ่านๆ ก็เข้าใจว่า Ian Bremmer พูดถึง Weapon of Mass Destruction ในความหมายดั้งเดิม แต่พอมาฟังละเอียดๆ พบว่าเป็นการตั้งใจล้อคำว่า “WMD” โดยเปลี่ยนจาก Destruction มาเป็น Disruption แทน

และพอมาอ่านเอกสารของ Eurasia Group ก็พบว่า Weapons of Mass Disruption เป็นหนึ่งใน 10 ธีม “ความเสี่ยง” ของโลกปี 2023 ที่ Eurasia Group ออกรายงานมาเตือนให้ทราบกัน คิดว่าเป็นประเด็นที่ควรบันทึกไว้

ในรายงานของ Eurasia Group เขียนเอาไว้ว่า หลังจบสงครามเย็น อเมริกาเป็นผู้ “ส่งออกประชาธิปไตย” ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่ในยุคหลังๆ กลับกลายเป็นว่าสินค้าส่งออกของอเมริกาคือ “เครื่องมือทำลายประชาธิปไตย” อย่างไม่ตั้งใจแทน

When the Berlin Wall came down, the United States was the world’s principal exporter of democracy. Not always consistently and not always with positive results, but no other country came close. For most of the time since, technological innovation (much of which took place in America) has been a liberalizing force. But today, the US has become the principal exporter of tools that undermine democracy—not intentionally

เครื่องมือทำลายประชาธิปไตยเหล่านี้คือ social media ทั้งหลายที่มีโมเดลธุรกิจ “เอื้อ” ต่อการกระจายข่าวปลอม การใส่ร้ายป้ายสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยพลัง AI ที่ก้าวหน้าขึ้นมาก ผลกระทบของมันจะยิ่งทวีคูณขึ้นอีกในปี 2023

Resulting technological advances in artificial intelligence (AI) will erode social trust, empower demagogues and authoritarians, and disrupt businesses and markets.

This year will be a tipping point for disruptive technology’s role in society.

ในรายการ podcast นั้น Ian Bremmer ยังยกตัวอย่างเหตุการณ์บุกยึดทำเนียบรัฐบาลของประเทศบราซิลเมื่อต้นปี 2023 โดยกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีฝ่ายขวา Jair Bolsonaro ที่แพ้เลือกตั้ง ว่านี่เป็น “การเลียนแบบ” เหตุการณ์บุกยึดอาคารรัฐสภาของผู้สนับสนุน Donald Trump ที่แพ้เลือกตั้งเมื่อช่วงต้นปี 2022

ภาพรวมของเหตุการณ์แบบนี้คืออเมริกา “ส่งออก” วัฒนธรรมต่อต้านประชาธิปไตย (โดยไม่ตั้งใจ) ซึ่งมันจะเกิดขึ้นแบบเดียวกันกับเครื่องมือ social และ AI

These advances represent a step-change in AI’s potential to manipulate people and sow political chaos. When barriers to entry for creating content no longer exist, the volume of content rises exponentially, making it impossible for most citizens to reliably distinguish fact from fiction. Disinformation will flourish, and trust—the already-tenuous basis of social cohesion, commerce, and democracy—will erode further.

These breakthroughs will have far-reaching political and economic effects.

สิ่งที่จะเกิดขึ้นอีกคือ กองทัพบ็อตปล่อย fake news โจมตีทางการเมืองอีกมหาศาล ที่คราวนี้เราแยกไม่ออกแล้วว่าเป็นคนจริงๆ หรือไม่

Political actors will use AI breakthroughs to create low-cost armies of human-like bots tasked with elevating fringe candidates, peddling conspiracy theories and “fake news,” stoking polarization, and exacerbating extremism and even violence

ไม่ใช่แค่ในทางการเมือง แต่ในทางธุรกิจ เราก็แยกเสียงของลูกค้าจริงๆ (ที่บ่นหรือชมเราบนโซเชียล) ได้ยากเช่นกัน โพสต์รีวิว คอมเมนต์ ความเห็นต่างๆ บนโลกออนไลน์ จะถูกตั้งข้อสงสัยว่าจริงหรือปลอมไปทั้งหมด

Generative AI will make it difficult for businesses and investors to distinguish between genuine engagement and sentiment on the one hand, and sabotage attempts by hackers, activist investors, or corporate rivals on the other, with material implications for their bottom lines.

Citizen activists, trolls, and anyone in-between will be able to cause corporate crises by generating large enough volumes of high-quality tweets, product reviews, online comments, and letters to executives to simulate mass movements in public opinion.