in Politics

ประเทศชาติสร้างขึ้นมาด้วยเรื่องเล่า

อ่านบทความแสดงความเห็นเรื่องยูเครน-รัสเซียของ Yuval Noah Harari ผู้เขียนหนังสือ Sapiens ที่เขียนลงใน The Guardian แล้วประทับใจ

Harari จั่วหัวมาอย่างเรียกแขกว่า Why Vladimir Putin has already lost this war ปูตินแพ้สงครามครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่เพิ่งเริ่มรบมาได้ไม่กี่วัน

Harari ยังไปเล่าและขยายความเรื่องนี้ในคลิปของ TED ขอรวบเขียนถึงเลยทีเดียว

ประเด็นสำคัญที่ Harari เสนอคือ การทำสงครามเพื่อ “ยึดครอง” ประเทศอื่นนั้น การรบชนะไม่ยากเท่ากับการ “ปกครอง” ให้ได้ในระยะยาว

it is much easier to conquer a country than to hold it. Putin knew he had the power to conquer Ukraine. But would the Ukrainian people just accept Moscow’s puppet regime?

ในสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น ผู้นำอย่างปูติน มี “ภาพฝัน” (Harari ใช้คำว่าแฟนตาซี) ว่ายูเครนคือส่วนหนึ่งของรัสเซียมาช้านาน และถูกเสี้ยมให้หันไปหาตะวันตกโดยระดับผู้นำไม่กี่คน ดังนั้นหากรัสเซียบุกยึดยูเครน ขับไล่ผู้นำไม่กี่คนนั้นออกไป คนยูเครนจะยอมสยบ และต้อนรับกองทัพรถถังของรัสเซียด้วยดอกไม้

ปูตินเคยทำสิ่งเหล่านี้สำเร็จแล้วในการยึดแหลมไครเมียในปี 2004 จึงคิดว่าจะทำแบบเดิมได้เสมอ

แต่ผลปรากฏว่าปูตินล้มเหลว เพราะได้รับการต่อต้านอย่างหนัก

With each passing day, it is becoming clearer that Putin’s gamble is failing. The Ukrainian people are resisting with all their heart, winning the admiration of the entire world – and winning the war. Many dark days lie ahead. The Russians may still conquer the whole of Ukraine. But to win the war, the Russians would have to hold Ukraine, and they can do that only if the Ukrainian people let them. This seems increasingly unlikely to happen.

จากเดิมนั้น คนรัสเซียกับยูเครนไม่เคยเกลียดกันมาก่อน ถือเป็นพี่น้องกัน แต่ปูตินทำให้คนยูเครนเกลียดรัสเซียเข้าไส้แทน

Gorbachev left Russians and Ukrainians feeling like siblings; Putin has turned them into enemies

ยิ่งสงครามลากไปยาวเท่าไร คนยูเครนยิ่งมี “เรื่องเล่า” และ “ตำนาน” ในการต่อสู้กับคนรัสเซียมากขึ้นเท่านั้น วีรกรรมของคนยูเครนในการเสียสละตัวเพื่อสู้กับรัสเซีย และความชั่วร้าย ความเลวร้ายของทหารรัสเซียที่กระทำกับประชาชนยูเครน

The president who refused to flee the capital, telling the US that he needs ammunition, not a ride; the soldiers from Snake Island who told a Russian warship to “go fuck yourself”; the civilians who tried to stop Russian tanks by sitting in their path. This is the stuff nations are built from. In the long run, these stories count for more than tanks.

แม้ยูเครนอาจแพ้ศึกนี้ เพราะรัสเซียมีแสนยานุภาพทางทหารเยอะกว่ามาก แต่ในระยะยาว “เรื่องเล่า” เหล่านี้จะมีพลังอำนาจมากกว่ารถถัง และจะทำให้รัสเซียไม่สามารถปกครองยูเครนได้เลย

จากนั้น Harari ลากเข้าประเด็นว่า “ประเทศชาติสร้างขึ้นจากเรื่องเล่า” (ตรงกับแนวคิด Imagined Communities ของ Benedict Anderson) มันคือสิ่งที่รวมใจคนในชาติไว้ด้วยกัน

Nations are ultimately built on stories. Each passing day adds more stories that Ukrainians will tell not only in the dark days ahead, but in the decades and generations to come.

ในคลิป TED เรายังเห็น Harari ขยายความเรื่องผลกระทบจากสงคราม ที่ส่งผลสะเทือนไปทั่วโลก เขาชี้ให้เห็นว่า สงครามยูเครน-รัสเซีย ทำให้ทุกประเทศทั่วโลกตื่นตัวเรื่องภัยจากความมั่นคง

โลกเราถือว่ามีสันติภาพมาโดยตลอดหลายสิบปีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในยุโรปเอง สัดส่วนงบประมาณด้านการทหารมีเพียง 3% ของ GDP เท่านั้น ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ (อาณาจักรในอดีตอาจมีงบการทหารสูงถึง 50-80% ของ GDP) แต่ปูตินทำให้เยอรมนีเพิ่มงบการทหารขึ้น 2X ภายในคืนเดียว

หากเยอรมนีเพิ่มงบทหาร ประเทศอื่นๆ ที่เริ่มรู้สึก “ไม่ปลอดภัย” ก็จะเพิ่มงบการทหารเช่นกัน ไม่ว่าจะอยู่กันคนละฝั่งโลกอย่างออสเตรเลียหรือบราซิลก็ตาม งบที่ควรจะเป็นด้านสาธารณสุข การศึกษา สิ่งแวดล้อม ก็จะถูกหั่นไปใช้กับการทหารอย่างน่าเสียดาย

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ Harari บอกว่าภัยคุกคามจากรัสเซียจะทำให้ชาติตะวันตกที่แตกแยกทางความคิดกันอย่างหนัก แบ่งเป็นฝ่ายซ้าย (liberalism) และฝ่ายขวา (nationalism) จะสามารถผสานรอยร้าวระหว่างกันได้ (เพราะมีภัยจากภายนอกที่รุนแรงกว่า) และยูเครนจะทำให้ชาติตะวันตกเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า liberalism กับ nationalism ไม่ใช่ขั้วตรงข้ามกัน แต่มันมาจากพื้นฐานเดียวกันคือแนวคิดเรื่องเสรีภาพ