เคยเขียนเรื่องแผน Build Back Better การฟื้นฟูเศรษฐกิจของ Joe Biden ไปแล้วหลายครั้ง (Joe Biden’s Plan, UK New Deal) และเคยเขียนบทความอย่างละเอียดใน the101.world ครั้งหนึ่ง
ตอนนี้เวลาผ่านมาถึงปี 2023 แล้ว เลยอยากรู้ความคืบหน้าของแผน Build Back Better ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ตัวแผนใหญ่ Build Back Better ถูกซอยออกมาเป็น 3 แผนย่อยคือ
- American Rescue Plan (ARP) แผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจเร่งด่วนจาก COVID-19
- American Jobs Plan (AJP) แผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกทอดทิ้งมานาน พ่วงไปกับการจ้างงานโดยรัฐ
- American Families Plan (AFP) แผนนโยบายด้านสังคม สวัสดิการต่างๆ
แผน ARP ที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ทุกคนเห็นตรงกัน ผ่านการโหวตของสภาอย่างรวดเร็ว (เสนอเดือนมกราคม 2021 ผ่านเป็นกฎหมายมีนาคม 2021) มูลค่างบประมาณ $1.9 trillion ส่วนใหญ่ใช้ไปกับการจ่ายเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (stimulus check $1400)
แผน AJP ที่ตามมาในเดือนมีนาคม 2021 ไม่ได้ง่ายแบบนั้น ข้อเสนอแรกเริ่มคือ Biden เสนอลงทุน $2.3 trillion แต่ก็มีการถกเถียงกันทั้งในแง่เนื้อหา (ว่าควรลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานอะไรบ้าง) และขนาดของการลงทุน
แผน AJP ผ่านการเจรจาต่อรองในสภา และลดขนาดลงมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายขนาดการลงทุนลดลงเหลือ $1.2 trillion (ลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง) กฎหมายใหม่ใช้ชื่อว่า Infrastructure Investment and Jobs Act เสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2021 ใช้เวลาประมาณครึ่งปีกว่าๆ
แผน AFP เป็นเรื่องที่ดราม่าที่สุด เพราะมีไอเดียเรื่องสวัสดิการหลายอย่างที่ไม่เคยทำในสังคมอเมริกัน (แค่ Infrastructure ที่เห็นตรงกันว่าควรทำ ยังตีกันเละเทะว่าจะทำอะไร) Biden เสนอร่างกฎหมายในเดือนเมษายน 2021 แต่มาออกเป็นกฎหมายได้สำเร็จในเดือนสิงหาคม 2022 ใช้เวลาเกือบปีครึ่ง
ไอเดียแรกเริ่มของ AFP ใช้เงิน $1 trillion (+ $800 billion เป็นส่วนลดภาษี) เพื่ออุดหนุนสวัสดิการเรื่องเด็ก ครอบครัว ชุมชน สุขภาพ แต่หลังจากแผน AJP โดนหั่นลงมากในสภา ทำให้ฝ่ายพรรคเดโมแครตนำไอเดียบางอย่างที่ถูกหั่นออกจาก AJP (เช่น พลังงานสะอาด การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ) มารวมร่างเข้ากับ AFP ในชื่อใหม่ว่า Build Back Better Act (BBB) มูลค่า $3.5 trillion ก้อนใหญ่ที่สุดในทั้งสามก้อนที่เสนอ
แต่มีหรือที่รีพับลิกันจะยอม เลยต่อรองเงินก้อนนี้ลงมาเหลือ $2.2 trillion กฎหมายผ่านสภาล่างในเดือนกันยายน 2021 ซึ่งถือว่าใช้เวลาไม่นานนัก
แต่การต่อสู้ในสภาสูงกลับเป็นอีกเรื่อง ปัจจัยหนึ่งคือเสียงในสภาสูงนั้นเป็น 50:50 พอดี (เดโมแครตมีเสียงของ Kamala Harris ในฐานะประธานวุฒิสภาอีก 1 เสียงสำหรับชี้ขาด) แต่พอเจอพวกเดียวกันเองไม่เอาด้วยคือ Joe Manchin วุฒิสมาชิกของเดโมแครตเอง ทำให้เสียงไม่พอ ร่างกฎหมายจึงพังไปในช่วงปีใหม่ 2022
นอกจากนี้ ช่วงปลายปี 2021 เอง สถานการณ์เศรษฐกิจในอเมริกาก็พลิกผันอย่างมาก เพราะเริ่มเจอปัญหาเงินเฟ้อซึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ แนวคิดหรือมุมมองของนักการเมืองสหรัฐจึงเปลี่ยนไปเป็นไม่กล้าลงทุนเยอะเพราะกลัวเงินยิ่งเฟ้อ
หลังจากนั้นในปี 2022 มีการเจรจากันใหม่ระหว่างฝั่ง Biden และ Manchin โดยยอมถอดส่วน climate ออกเพื่อให้ Manchin สนับสนุนร่างกฎหมายให้ผ่าน (แต่สุดท้าย Manchin ก็ยอมนำ climate กลับเข้ามาบางส่วน) กลายเป็นกฎหมาย Inflation Reduction Act of 2022 มูลค่าเหลือ $738 billion โดยมีส่วนที่เกี่ยวกับสังคมน้อยมาก เงินถูกนำไปใช้เรื่องพลังงาน, ภาษี และนำเงินจากการขึ้นภาษีไปลดการขาดดุลงบประมาณ (deficit reduction) แทน
กฎหมายผ่านวุฒิสภาด้วยการลงมติ 51:50 โดยต้องใช้เสียงของ Harris ชี้ขาด
หากดูจากกรอบงบประมาณที่ตั้งไว้ตอนแรก $1.9 + $2.3 + $1 = $5.2 trillion
รัฐบาล Biden สามารถผลักดันให้ผ่านได้ $1.9 + $1.2 + $0.738 = $3.838 trillion
คิดเป็นความสำเร็จประมาณ 73.8% ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยมีทั้งส่วนที่ได้พลัง COVID ช่วยให้ผ่านง่าย และส่วนสวัสดิการสังคมที่แทบไม่ผ่านเลย