in Business, Technology

Power of Being No. 2

ถ้าคนรู้จักที่สนิทสนมกัน จะรู้ว่าผมเชียร์หุ้น Microsoft มานานมาก ด้วยเหตุผลว่าไม่ได้เป็นบริษัทที่เซ็กซี่ หวือหวา มีคนจงรักภักดีแบรนด์สูงๆ แบบแอปเปิล-กูเกิล แต่อยู่ใน “ธุรกิจน่าเบื่อแต่ขาดไม่ได้” ทำให้มีความสามารถในการทำเงินดีมาก

มาถึงปี 2021 เชื่อเถอะว่าความเซ็กซี่ของแบรนด์ไมโครซอฟท์ในสายตาคอนซูเมอร์ไม่ได้เพิ่มสูงนัก ถ้าถามคนรุ่นใหม่ว่าอยากได้ iPad หรือ Surface, PS5 หรือ Xbox คำตอบน่าจะชัดเจนในตัว

แต่ “พลังความน่าเบื่อ” ของไมโครซอฟท์ที่สามารถทำเงินได้ต่อเนื่อง ก็ทำให้ไมโครซอฟท์ทะยานกลายเป็น 2 Trillion Company ได้ก่อนกูเกิลด้วยซ้ำ ตามหลังแอปเปิลแค่บริษัทเดียว

ถ้าถามเหตุผลว่าทำไมเป็นแบบนี้ได้ ผมคิดว่าเราสามารถอธิบายเรื่อง Power of No.2 ซึ่งเป็นวิธีคิดกลับกันกับความเชื่อแบบเดิมๆ ว่าเราควรจะเป็น No.1 ในเซกเมนต์ของตัวเองแล้วผูกขาด

แต่กรณีของไมโครซอฟท์ ถ้าไม่นับ Windows/Office ที่ครองตลาดเป็นอันดับหนึ่งมายาวนานตั้งแต่ยุคก่อนแล้ว ไมโครซอฟท์ยุคหลังๆ ไม่มีอะไรที่ขึ้นมาเป็น No.1 ได้สักเท่าไรเลย

  • Cloud: Azure เป็นอันดับสองตามหลัง AWS
  • Game Console: Xbox เป็นอันดับสองตามหลัง PlayStation
  • Search Engine: Bing เป็นอันดับสองตามหลัง Google Search
  • ERP/CRM: Dynamics ก็สู้เจ้าตลาดอย่าง Oracle/SAP ไม่ได้
  • Surface: อันดับที่เท่าไรไม่รู้ แต่ไม่ติด Top 5 แน่ๆ
  • Browser: Edge ตามหลัง Chrome สู้ไม่ได้จนต้องเข้าร่วม
  • Mobile Phone: ลาก่อน Windows Phone

ของใหม่ยุคหลังอย่างเดียวที่ผมนึกออกว่าเป็นที่เชิดหน้าชูตาได้คือ Microsoft Teams ที่ต่อกรกับ Slack/Zoom ได้ แต่ก็มาจากปัจจัย “ขายเหล้าพ่วงเบียร์” คือแถมมากับ Office ด้วย

แต่ถ้าดูจากรายการข้างต้น จะเห็นแพทเทิร์นว่า ไมโครซอฟท์ไม่ได้เป็นอันดับ 1 ก็จริง แต่เป็น Significant No.2 ในหลายตลาด แถมยังเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงมากๆ ด้วย

ไมโครซอฟท์ยุคก่อนหน้านี้ สร้าง Windows/Office ที่เป็นเครื่องจักรทำเงินมหาศาล ทุกวันนี้ถึงแม้ไม่ dominant แบบยุค 90s แต่ก็ยังมีความสำคัญอยู่มาก

ไมโครซอฟท์ยุค Satya Nadella เกาะกระแสคลาวด์ได้ดี แม้ขยับตัวช้ากว่า AWS ก็ตาม เลยทำให้ Azure กลายเป็นรายใหญ่อันดับ 2 ที่สำคัญ และกลายเป็นบริการเรือธงหลักของบริษัทตอนนี้แล้ว (รายได้จากคลาวด์เยอะกว่าก้อนอื่นๆ แล้ว)

เมื่อมี 3 เสาหลักคือ Windows/Office/Azure ค้ำยันแล้ว โมเดลธุรกิจของไมโครซอฟท์จึงเป็นการสร้างธุรกิจอื่นๆ มารายล้อมเสาหลักเหล่านี้ ถึงแม้แทบไม่ชนะเป็น No.1 ในตลาดไหนเลย แต่การเป็น No.2 ในหลายๆ ตลาดที่เชื่อมโยงกัน ก็ช่วยขับเคลื่อนไมโครซอฟท์ยุคใหม่ได้เช่นกัน

การเป็น No.2 ยังมีข้อดีอีกอย่างคือ หลบเลี่ยงการปะทะจากการกำกับดูแลภาครัฐทั่วโลก เราจะเห็น Apple, Google, Facebook, Amazon โดนสอบสวนประเด็นต่างๆ กันรัวๆ แต่ในกลุ่ม Big 5 ไมโครซอฟท์กลับชิวมากๆ ทำธุรกิจของตัวเองไปสบายๆ (ในอีกมิติคือ ไมโครซอฟท์มีบทเรียนจากยุค 90s จึงระวังตัวมากด้วย)

ถ้าถามว่าไมโครซอฟท์ยุคนี้อยากเป็น No.1 ในธุรกิจต่างๆ ที่ทำอยู่มั้ย คำตอบต้องบอกว่าแหงสิ อยากอยู่แล้ว

แต่ไม่ได้อันดับ 1 ก็ไม่เป็นไร เพราะแค่นี้ก็เป็น 2 Trillion Company ก่อนบริษัทคู่แข่งอื่นๆ แล้ว