หลังจากกระแส Metaverse บูมเมื่อปี 2021 จากการเปลี่ยนชื่อบริษัท Facebook –> Meta ผมก็ได้รับเชิญไปพูดเรื่อง Metaverse ตามหน่วยงานต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง
มุมมองเรื่อง Metaverse ของผมคือเป็น skeptical ตามที่เคยเขียนไว้ นอกจากนี้ยังเคยพยายามลองสำรวจ “นิยามของ Metaverse” ของบริษัทอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Meta ด้วย (Snap, Epic, Unity, Niantic)
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีงานสำคัญคือ Meta Connect 22 ซึ่งเป็นโอกาสครบรอบ 1 ปีแรก หลัง Facebook เปลี่ยนชื่อเป็น Meta จึงน่าสนใจว่า Mark Zuckerberg และผองเพื่อนมีอะไรมาอัพเดตชาวโลกบ้าง
คลิปเต็ม
ถ้าเริ่มต้นดูคลิปช่วงแรกๆ Mark ขึ้นมาพูดพร้อมเรียก CTO คือ Andrew “Boz” Bosworth มาอธิบาย “การเจริญเติบโต” ของ Metaverse ซึ่งในที่นี้คือแอพ/เกม VR ต่างๆ ของแพลตฟอร์ม Oculus/Quest ในแง่รายได้ (Apple-styled presentation) แต่พอตัวเลขมันไม่อลังการเท่า มันเลยดูน่าเศร้ามาก
ผมดูคลิปได้ประมาณ 15 นาทีก็เลิกดู หันไปอ่านบทความสรุปจากที่อื่นแทน (ฮา)
รวมข่าวใน Blognone
- เปิดตัว Meta Quest Pro เฮดเซต VR พรีเมียม ราคา 1,499 ดอลลาร์
- Microsoft ประกาศความร่วมมือกับ Meta รองรับการทำงานซอฟต์แวร์และบริการบนโลกเสมือน
- Meta เพิ่ม “ขา” ให้ Avatar แล้ว
- Mark Zuckerberg: แว่น Quest Pro ราคาขาย 1,500 ดอลลาร์ เป็นราคาที่เท่าทุน
- Mark Zuckerberg เชื่อระบบ VR ของ Meta ดีกว่า Apple เพราะเป็น ecosystem แบบเปิด
- John Carmack สับเละอดีตนายจ้าง ไม่เห็นด้วยกับแนวทาง VR หลายอย่างของบริษัท Meta
ความเห็นของสื่อทั่วโลกก็ไปในทางเดียวกันหมดว่า “มันไม่ค่อยเวิร์คนะมาร์ค”
เริ่มจาก The New York Times มีบทความสรุปความเคลื่อนไหวของ Meta ก่อนวันงาน ว่าแผนการ Metaverse มันไม่เวิร์ค
ประเด็นสำคัญคือ ถึงแม้จำนวนผู้ใช้ Metaverse/VR มีมากขึ้นจากปีที่แล้วจริง แต่สเกลของมันเทียบกันไม่ได้เลยกับผู้ใช้งาน social ของ Facebook/Instagram/WhatsApp
Meta said in February that its Horizon Worlds game had grown to roughly 300,000 monthly active users — an increase from a few months earlier, but minuscule in comparison with Facebook’s more than 2.9 billion monthly active users.
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ พนักงานเองก็ไม่อิน ไม่มีแว่น VR ด้วยซ้ำ พอ Mark อยากประชุมในโลก VR พนักงานก็ต้องรีบแห่กันไปซื้อแว่นเพื่อมาประชุมเอาใจ-เอาหน้า
Mr. Zuckerberg’s zeal for the metaverse has been met with skepticism by some Meta employees. This year, he urged teams to hold meetings inside Meta’s Horizon Workrooms app, which allows users to gather in virtual conference rooms. But many employees didn’t own V.R. headsets or hadn’t set them up yet, and had to scramble to buy and register devices before managers caught on, according to one person with knowledge of the events.
ฝั่งของ Bloomberg ก็สับเละเหมือนกัน บอกว่าการเปิดตัว Quest Pro ที่ราคา 1,499 ดอลลาร์ ไม่น่าจะช่วยอะไรให้แผน Metaverse เป็นจริงได้มากขึ้น
As Mark Zuckerberg spoke to the camera in a pre-recorded presentation on Tuesday to kick off Meta Platforms Inc.’s annual virtual reality conference, he needed to address the elephant in the room: Enormous skepticism had grown around his vision for the metaverse.
They needed a good reason to believe in his vision, but the Facebook co-founder didn’t give them one.
Instead, he doubled down on wowing people with cutting-edge tech, unveiling an expensive, high-end headset that hardly anyone will buy.
การเปลี่ยนทิศของบริษัทจาก social เป็น metaverse อาจกลายเป็นตำนานที่อยู่คงทน ของการปรับยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดตลอดกาล
Zuckerberg’s pivot to the metaverse may well go down as one of the greatest corporate strategic errors of our time, and his stubborn focus on expensive hardware and futuristic services suggest a leader increasingly out of touch with how consumers actually use technology.
ผมคิดว่าปัญหาสำคัญของงาน Meta Connect รอบนี้คือ ภาพใหญ่เรื่องวิสัยทัศน์ว่า Metaverse มีไว้ทำไม มันซ้ำๆ เดิมไม่มีอะไรใหม่เลย ประโยชน์ก็จับต้องได้ไม่ชัดเจนว่าเราจะอยู่ในโลก VR กันไปทำไม
Meta สาธิตการใช้งาน 3 รูปแบบ
- Gaming – เกมดูจืดจาง + ต้องมีแว่น
- Fitness – งานเฉพาะกลุ่ม + ต้องมีแว่น
- Collaboration/Work – Horizon Worlds ที่ดูสิ้นหวัง
เว็บไซต์ Game Developer วิจารณ์ว่า A lack of imagination, little connection with everyday people
But the biggest use cases for Quest technology don’t seem to benefit everyday consumers or game developers.
ของพวกนี้ คนที่ติดตามข่าวสารวงการ VR มานานก็เห็นกันมาเป็นสิบปีแล้ว ผมเองได้ลอง Microsoft HoloLens ตั้งแต่เปิดตัวปี 2015 พอได้ดูคลิปสาธิตของ Meta Connect 2022 เวลาผ่านมา 7 ปี ตัวอย่างการใช้งานก็ไม่ต่างอะไรกันมากนัก
แถมหลายอย่างของ Meta ยังแย่กว่าด้วยซ้ำ อย่างคุณภาพของอวตาร หรืออวตารไม่มีขา ที่ดูตลกๆ และไม่น่าเชื่อมากว่าลงเงินไปเยอะขนาดนี้ แล้วยังทำได้แค่นี้
มาถึงตอนนี้ ไมโครซอฟท์เลิกพูดถึง HoloLens ไปแล้ว ในงาน Meta Connect 2022 ยังมี Satya มาขึ้นเวทีแบบแกนๆ บอกว่ายินดีเปิดให้ Meta เชื่อมกับแพลตฟอร์ม Office/Xbox ได้เลย Satya คงรู้ซึ้งดีว่าทำฮาร์ดแวร์ไปก็เปลืองเงินเปล่า ปล่อย Meta ทำไปแทนละกัน 555
ในงาน Meta Connect 2022 จึงมีสิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมแค่เพียงแว่น Quest Pro เท่านั้น (ถ้าไม่มีคือจืดสนิท) แถมตัวแว่น Quest Pro เองก็ถูกวิจารณ์ว่าเทคโนโลยีใหม่หลายอย่าง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรก้าวกระโดด และกลุ่มเป้าหมายคือใครกันแน่
ใครดูคลิป Quest Pro จบแล้วอยากซื้อทันทีเลยบ้าง ไม่น่ามี
และถ้าไม่ลืมกัน ผู้ก่อตั้งและแกนนำของบริษัท Oculus ที่เป็นจุดเริ่มต้นของ VR สมัยใหม่ ทั้งหมด 4 คน ลาออกไปเกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Palmer Luckey, Brenden Iribe, Nate Mitchell, John Carmack (เหลือแต่ Michael Abrash ที่เป็น Chief Scientist คนเดียว) น่าจะสะท้อนมุมมองต่ออนาคตของบริษัท Oculus ได้เป็นอย่างดี
แถม John Carmack ก็มาขึ้นเวทีงาน Meta แบบสับเละบริษัทแม่เลย มันส์มาก (ต้องบอกว่า Meta ก็ใจกว้างที่เปิดให้ Carmack พูดเต็มที่)