in Knowledge

Confederate States of America

ประเด็นเรื่อง Black Lives Matter ในสหรัฐอเมริกาช่วงนี้ ทำให้มีการพูดถึง “ประเทศในอดีต” ขึ้นมาคือ Confederate States of America หรือเรียกย่อๆ ว่า Confederacy บรรดารัฐทางใต้ที่เคยก่อสงครามกลางเมืองกับรัฐทางเหนือที่เรียกว่าฝ่าย Union ในเรื่องเลิกทาส (แล้วดันแพ้) เลยถูกผนวกกลับคืน ก่อนจะค่อยๆ สูญหายไปจากความทรงจำ

แต่สงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา ยังมีมรดกทางความคิดและทางประวัติศาสตร์ (รวมถึงเป็นจุดขัดแย้งสำคัญของ taboo หลักของชาติ คือ เรื่องสีผิว) จึงถูกขุดขึ้นมาซ้ำเรื่อยๆ เมื่อเกิดความขัดแย้งใหม่ในเรื่องสีผิว

ผมมาระลึกได้ว่า แทบไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับ Confederacy เลย รู้แค่ว่าเป็นกลุ่มรัฐที่ยังอยากคงระบบทาสไว้ แล้วรบแพ้ (สมรภูมิสำคัญคือ Gettysburg เพราะมีเกมใช้ชื่อนี้) เลยมาค้นข้อมูลเพิ่มดู

ธงของกองทัพ Confederate (ไม่ใช่ธงของประเทศ Confederate ที่เป็นอีกอัน แต่ธงนี้ดังกว่า)

พอได้มานั่งอ่านเรื่อง Confederacy ก็พบว่ามันเป็น “ประเทศ” ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ทีเดียว มีรัฐธรรมนูญ เมืองหลวง รัฐสภา ค่าเงิน ฯลฯ เป็นของตัวเองอย่างชัดแจ้ง (ซึ่งก็นำระบบมาจากสหรัฐอเมริกาทางเหนือนั่นแหละ) ช่วงสงครามกลางเมืองเลยเหมือนเป็นสงครามระหว่าง 2 ประเทศที่เป็นก็อปปี้ซึ่งกันและกัน ไม่ใช่แค่สงครามกองโจรปลดแอกจากรัฐใหญ่

Confederacy ถือเป็น “รัฐ” ที่มีอายุค่อนข้างสั้น เพราะเกิดมาได้เพียง 4 ปีก็รบแพ้แล้วโดนรวมกลับ (ประเทศเท็กซัส หรือ Republic of Texas ก่อนรวมเข้าสหรัฐอเมริกาในยุคก่อนหน้า ยังอายุยืนกว่าด้วยซ้ำคือ 10 ปี)

ระยะเวลาการก่อตั้งไปจนถึงการล่มสลายของ Confederacy ก็เรียกได้ว่าผูกพันกับศัตรูคู่อาฆาตคือ Abraham Lincoln (ซึ่งเป็นผู้ผลักดันเรื่องการเลิกทาส) เป็นอย่างมาก เพราะเริ่มแยกประเทศในปี 1860 ทันทีที่ Lincoln ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี (ยังไม่ทันรับตำแหน่งเลยด้วยซ้ำ) และแพ้สงครามในปี 1865 ซึ่งหลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือน Lincoln ก็โดนลอบสังหาร (จากคนที่ “เห็นใจ” ภาคใต้)

ประเด็นความขัดแย้งเรื่อง “ทาส” เกิดขึ้นในอเมริกามาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยประธานาธิบดีสองคนก่อนหน้านั้นคือ Franklin Pierce (1853-1857) และ James Buchanan (1857-1861) เป็น “คนเหนือ” จากพรรคเดโมแครต ที่ “เห็นใจคนใต้” หรืออธิบายง่ายๆ คือยังสนับสนุนให้มีทาส และมองว่าพวกที่เสนอให้เลิกทาสเป็นภัยต่อรัฐ

ในขณะที่พรรครีพับลิกัน ซึ่งก่อตั้งพรรคในยุคนั้นพอดี (เดโมแครตเก่าแก่กว่ารีพับลิกันยุคปัจจุบันเยอะเลยนะครับ) เพราะเกิดขึ้นจากแนวคิด “เลิกทาส” นั่นเอง พรรคก่อตั้งในปี 1954 (ช่วงประธานาธิบดี Pierce) เพื่อต่อต้านนโยบาย “ขยายรัฐที่มีทาส” ไปยังรัฐใหม่ๆ ทางตะวันตก (Kansas–Nebraska Act) โดยมีนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมจากพรรค Whig เดิมที่แตกไปแล้วในยุคก่อนหน้านั้น

พรรครีพับลิกันส่งตัวแทนลงชิงประธานาธิบดีครั้งแรกในปี 1856 แม้แพ้ประธานาธิบดี Buchanan (ที่กวาดคะแนนเสียงจากรัฐทางใต้ทั้งหมด) แต่ก็ชนะในรัฐทางเหนือตอนบนๆ (ที่สนับสนุนให้เลิกทาส) จำนวน 11 รัฐ ได้คะแนนเสียงรวมไป 33% ก็ถือว่าไม่เลว

พอมาถึงการเลือกตั้งปี 1860 ความขัดแย้งเรื่องทาสยิ่งเร่งเร้า ฝั่งเดโมแครตเองก็แตกแยกกันเป็น 2 ฝ่ายเหนือ-ใต้ เพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน บวกกับ จึงเกิดเป็นการชิงชัยของ 4 ฝ่าย ที่แยกตามอุดมการณ์ + นโยบายเลิกทาส

  • Abraham Lincoln, รีพับลิกัน (Whig เดิม), ทางเหนือ, เลิกทาส
  • John Bell, พรรค Constitutional Union (Whig เดิม), ทางใต้, หลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องทาส
  • Stephen A. Douglas, Northern Democrat, ทางเหนือ, ให้แต่ละรัฐตัดสินใจเรื่องทาสเอาเอง
  • John C. Breckinridge, Southern Democrat, ทางใต้, คงความเป็นทาส (สืบทอดจากอดีตประธานาธิบดี Buchanan ที่ไม่ต่อสมัยสอง)

ผลปรากฏว่า Lincoln ชนะเลือกตั้ง (ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งแรกของรีพับลิกันด้วย) โดยกวาดรัฐทางเหนือที่สนับสนุนให้เลิกทาส และชนะไป 18 รัฐ ในขณะที่ Breckinridge ก็กวาดรัฐทางใต้ไปได้เช่นกัน รวมแล้ว 11 รัฐ (ถ้าวัดคะแนนเสียงทั้งหมด Lincoln ชนะที่ประมาณ 40% ต่อ Breckinridge 30% แต่ถ้าวัด electoral vote จะกลายเป็น 60% ต่อ 24%)

ผลการเลือกตั้งปี 1860 (ที่มา – Wikipedia)

ผลของการเลือกตั้งที่แบ่งออกเป็น 2 ขั้วชัดเจน แถมเป็นเรื่องสำคัญคอขาดบาดตายอย่างเรื่องทาส ทำให้ฝ่ายใต้ไม่พอใจ และ 7 รัฐทางใต้ (Deep South) อันประกอบด้วย South Carolina, Mississippi, Florida, Alabama, Georgia, Louisiana, Texas ก็ประกาศตั้งเป็น Confederate States of America เพื่อแยกตัวจาก United States of America ทันที

ภายหลังก็มีอีก 4 รัฐที่อยู่ถัดขึ้นมา (Upper South) เข้าร่วมคือ Arkansas, Tennessee, North Carolina และ Virginia ซึ่งถ้าดูจากแผนที่เทียบกัน จะเห็นว่าเป็นรัฐฐานเสียงของ Constitutional Union Party  (สีส้มในแผนที่ด้านบน) นั่นเอง

แผนที่รัฐใน Confederacy (ที่มา – Wikipedia)

เมื่อถามว่าทำไมเรื่องทาสถึงเป็นเรื่องคอขาดบาดตายในสหรัฐอเมริกา สมัยก่อนผมก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้ไปเที่ยว Louisiana และได้มีโอกาสไปเห็นพื้นที่เพาะปลูก (plantation) ซึ่งก็คือไร่ฝ้ายหรือไร่อ้อยขนาดใหญ่ ถึงได้บ้างอ้อว่า เออ พื้นที่เพาะปลูกใหญ่ขนาดนี้ ในยุคที่ไม่มีเทคโนโลยีเครื่องจักรสมัยใหม่ ถ้าไม่มีแรงงานทาส มันก็ไม่สามารถทำได้จริงๆ แฮะ

แถมพืชที่ปลูกเป็นพืชส่งออก (ฝ้ายหรือน้ำตาล) ที่ทำเงินทางเศรษฐกิจได้มหาศาล บรรดาคนขาวทางใต้ (ที่อาศัยอยู่ในคฤหาสถ์ใหญ่ๆ กลางไร่อันโดดเดี่ยว) ก็ย่อมไม่อยากยกเลิกระบบทาสไป เพราะมันจะทำให้ order ทางสังคมของภาคใต้ (ที่แตกต่างจากภาคเหนืออย่างมาก) ต้องล่มสลายไปนั่นเอง

กลับมาที่เรื่อง Confederacy ตามปกติแล้ว รัฐธรรมนูญอเมริกันกำหนดให้เลือกตั้งในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และประธานาธิบดีเข้าสาบานตนรับตำแหน่งในเดือนมีนาคมของปีถัดไป (ภายหลังถึงเปลี่ยนมาเป็นเดือนมกราคม)

หลังรู้ผลว่า Lincoln ชนะในเดือนพฤศจิกายน 1860 รัฐทางใต้ก็หารือกัน รวมตัวกันแยกประเทศทันที และในเดือนกุมภาพันธ์ 1861 ผู้นำของรัฐทางใต้ก็ไปประชุมกันที่เมือง Montgomery, Alabama เพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยเลือก Jefferson Davis วุฒิสมาชิกจากรัฐ Mississippi พรรค Democrat และรัฐมนตรีกระทรวงสงครามในยุคประธานาธิบดี Pierce ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของ Confederacy (และเป็นประธานาธิบดีเพียงคนเดียวด้วย)

Jefferson Davis ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี เพราะเป็นนักการเมืองที่เข้าใจเรื่องสังคมมีทาสอย่างถ่องแท้ เกิดและเติบโตในพื้นที่ทางใต้ และครอบครัวของเขาก็เป็นเจ้าไร่ฝ้ายขนาดใหญ่ด้วย

เรียกว่า Lincoln ยังไม่ทันเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ Davis ก็ขึ้นเป็นประธานาธิบดีของภาคใต้แล้ว และก็ไม่ต้องเสียเวลากันมาก เพราะในเดือนเมษายน 1861 (Lincoln รับตำแหน่งแค่เดือนเดียว) ฝ่าย Confederacy ก็เปิดฉากจู่โจม Fort Sumter ในเมือง Charleston, South Carolina ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ American Civil War

เมืองหลวงของฝ่าย Confederacy ช่วงแรกคือ Montgomery, Alabama ที่เป็นจุดเริ่มประชุมก่อตั้งประเทศ แต่หลังจากนั้นก็ต้องหาเมืองหลวงถาวร (ซึ่งใช้หลักคิดเดียวกับ Washington DC คือหาพื้นที่ 10×10 ตารางไมล์มาตั้งเขตนครหลวง) และย้ายไปอยู่ที่เมือง Richmond, Virginia (ซึ่งก็ไม่ไกลนักจาก Washington DC ซึ่งมีพรมแดนติดกับรัฐ Virginia) ในเดือนพฤษภาคม 1861 และเป็นเมืองหลวงจวบจนแพ้สงคราม

หลังจากนั้นเป็นเรื่องของสงครามระหว่าง 2 ฝ่าย ที่ฝ่ายใต้นำโดยนายพล Robert E. Lee ส่วนฝ่ายเหนือเป็น Ulysses S. Grant (ที่ภายหลังสงครามก็ลงเลือกตั้งจนได้เป็นประธานาธิบดี) จนกระทั่งฝ่ายใต้ยอมแพ้ในเดือนเมษายน 1865 ถือเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามกลางเมือง (ซึ่งจะไม่กล่าวถึงในที่นี้ เพราะเป็นรายละเอียดเรื่องสงคราม)

Robert E. Lee ยอมแพ้ในวันที่ 9 เมษายน 1865 และหลังจากนั้นเพียง 5 วัน Lincoln ก็ถูกลอบยิงเสียชีวิต (เรียกว่าได้ฉลองความสำเร็จแค่ไม่กี่วัน) โดย Andrew Johnson รองประธานาธิบดีขึ้นรับตำแหน่งแทน

จากแผนที่สมรภูมิต่างๆ ในช่วงสงครามกลางเมือง ก็จะเห็นว่ารบกันแถวๆ พรมแดนระหว่าง Union กับ Confederacy นั่นแหละ โดยเฉพาะตรงรัฐเมืองหลวง Virginia จะหนักที่สุด

สมรภูมิต่างๆ ใน American Civil War (ที่มา – Wikipedia)

หลังฝ่ายเหนือชนะสงคราม ก็ผนวกเอารัฐฝ่ายใต้ทั้งหมดกลับคืน United States, ออกกฎหมายเลิกทาสทั้งหมด (มีทาสผิวดำประมาณ 4 ล้านคนเป็นอิสระ) และเข้าสู่ยุค Reconstruction ฟื้นฟูอาคารสถานที่ สิ่งปลูกสร้างทางใต้ที่ถูกทำลายในช่วงสงคราม

ถึงแม้ Confederacy มีอายุเพียง 4 ปี (1861-1865) แต่นั่นเป็นอายุอย่างเป็นทางการเท่านั้น ความขัดแย้งเรื่องทาสมีมาก่อนหน้านั้นนาน และถึงแม้ความขัดแย้งจบลงด้วยการเลิกทาส แต่ประเด็นเรื่องสีผิวในอเมริกาก็ยังคงอยู่มาจนถึงวันนี้

ตัดภาพมาที่ปี 2020 เมื่อกระแส Black Lives Matter จุดติด บาดแผลทางประวัติศาสตร์ที่ฝ่าย Confederacy เคย “กดขี่” ทาสผิวดำถูกขุดกลับมาอีกครั้ง เราจึงเห็นข่าวอนุสาวรีย์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ Confederacy ทั่วอเมริกาถูกเอาลงหรือทำลาย

ถ้าลองดูแผนที่ของอนุสาวรีย์เหล่านี้ ก็จะเห็นความทับซ้อนกับสมรภูมิในสงครามกลางเมือง เมื่อร้อยกว่าปีก่อนอย่างชัดเจน