อ่านข่าวเรื่อง บราซิลเป็นประเทศที่มีคนติด COVID-19 มากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ก็ได้แต่เกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะแทบไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับบราซิลในเชิงลึกมากนัก (นอกจากฟุตบอล ป่าอเมซอน หรืองานคาร์นิวัล ซึ่งเป็น “ภาพจำ” ของบราซิลทั่วไป)
มาเจอบทความนี้ใน TIME เลยเข้าใจอะไรมากขึ้น
สาเหตุที่บราซิลมีคนติด COVID-19 เยอะ มาจากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน
- เป็นประเทศกำลังพัฒนา มีคนมาก ที่สำคัญคือมีคนจนมาก ระบบสาธารณสุขไม่ดี
- มีชาวเผ่าท้องถิ่นเยอะ อยู่ในถิ่นฐานห่างไกล ระบบน้ำ-สาธารณสุขไม่ดี เวลาติดกันก็โดนกันทั้งหมู่บ้าน โรงพยาบาลอยู่ห่างไกล ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
- ปัญหาการเมืองของบราซิล โดยเฉพาะผู้นำขวาจัด ประธานาธิบดี Jair Bolsonaro ที่ถูกขนานนามว่า Trump of the Tropics ที่ปฏิเสธมาตรการด้านป้องกันโรคหลายๆ อย่าง
ประเด็นเรื่องการเมืองบราซิลถือว่าน่าสนใจมาก และการเข้าใจ Jair Bolsonaro ได้ ต้องเข้าใจบริบทการเมืองบราซิลพอสมควร (ซึ่งก็ซับซ้อนอย่างมาก)
- ระบบการเมืองบราซิล มีการเลือกตั้ง ส.ส. (Chamber of Deputies) ส.ว. (Federal Senate) และประธานาธิบดี พร้อมกันในการเลือกตั้งรอบเดียวกัน ทุก 4 ปี
- การเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นการเลือกตั้งโดยตรง (ลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีตรงๆ) ผู้ชนะต้องได้เสียงเกิน 50% หากรอบแรกไม่มีใครชนะขาด ก็ต้องเลือกตั้งรอบสอง
- พรรคการเมืองบราซิล มีเป็นสิบๆ พรรค ไม่มีระบบพรรคใหญ่กุมเสียงเด็ดขาด ดังนั้นรัฐบาลจึงเป็นรัฐบาลผสม
การเมืองบราซิลในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา มีประธานาธิบดีทั้งหมด 5 คน
- 1995-2002 Fernando Henrique Cardoso จากพรรค Brazilian Social Democracy Party (PSDB) ซึ่งเป็นพรรคใหญ่ มีอุดมการณ์ซ้ายกลาง ได้เป็นสองสมัย
- 2003-2010 Lula da Silva จากพรรค Workers’ Party (PT) พรรคแรงงานฝ่ายซ้าย คนนี้คือประธานาธิบดีที่ดังที่สุดในช่วงหลัง ได้เป็นสองสมัย
- 2011-2016 Dilma Rousseff ผู้สืบทอดของ Lula จากพรรค PT และประธานาธิบดีหญิงคนแรก ชนะเลือกตั้งสองสมัย แต่หลังชนะสมัยที่สองตอนปี 2014 ก็โดน impeachment เอาผิด ถอดถอนจากตำแหน่ง
- 2016-2018 Michel Temer รองประธานาธิบดีของ Rousseff ที่ขึ้นเป็นประธานาธิบดีต่อให้ครบสมัย มาจากพรรคใหญ่อีกพรรคคือ Brazilian Democratic Movement (MDB/PMDB) ครบวาระแล้วไม่ได้ลงเลือกตั้งต่อ
- 2019- Jair Bolsonaro ประธานาธิบดีจากพรรคฝ่ายขวา Social Liberal Party (SNL) ที่ภายหลังก็ลาออกจากพรรค SNL เพราะทะเลาะกัน
ถ้าดูจาก timeline จะเห็นว่าการเมืองบราซิลรอบ 20 ปีหลัง เป็นการครองอำนาจของพรรคแรงงาน PT มายาวนาน ซึ่งบราซิลในช่วงนั้นก็พุ่งแรงเป็นประเทศหน้าใหม่ทางเศรษฐกิจโลก อยู่ในกลุ่ม BRIC ได้จัดฟุตบอลโลก 2014 จัดโอลิมปิก 2016 ต่างๆ มากมาย
แต่พรรค PT ก็อยู่ในช่วง “ขาลง” หลังจาก Rousseff โดนถอดถอนทางการเมือง กระบวนการเอาผิด Rousseff เริ่มมจาก Operation Car Wash การสืบสวนคดีคอร์รัปชันครั้งใหญ่ของตำรวจบราซิลที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2014 ศูนย์กลางอยู่ที่บริษัทน้ำมันแห่งชาติ Petrobras (เปรียบได้กับ ปตท.) ที่มีการคอร์รัปชันกับนักการเมืองจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือพรรค PT ที่ครองอำนาจอยู่ตอนนั้น
นักการเมืองระดับประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งอย่าง Rousseff โดนถอดถอน และภายหลัง กระบวนการเอาผิด ยังลามไปถึงอดีตประธานาธิบดี Lula da Silva และ Michel Temer ด้วย หลังจาก Rousseff โดนถอดถอนไปในปี 2016 รุ่นพี่อย่าง Lula จะกลับมาลงชิงประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2018 แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะโดนคดีและเข้าคุกไปก่อน
ความเสื่อมถอยของพรรค PT และการขาดแคลนผู้นำคนสำคัญๆ ทำให้การเลือกตั้งปี 2018 จึงเอนเอียงมาทางขั้วตรงข้ามของ PT แทน ซึ่งคนที่ฉกฉวยโอกาสนี้ได้สำเร็จก็คือ Jair Bolsonaro ประธานาธิบดีคนปัจจุบันนั่นเอง
Jair Bolsonaro เป็นนักการเมืองฝ่ายขวา อดีตเคยเป็นทหาร และเป็น ส.ส. ของเมือง Rio De Janeiro มายาวนาน (กับพรรคเล็กชื่อ Christian Democratic Party)
ในการเลือกตั้งปี 2018 Jair Bolsonaro ย้ายเข้ามาอยู่พรรค SNL เพื่ออาศัยฐานเสียงของพรรค เมื่อบวกกับนโยบายเอียงขวาของเขา (จนได้ชื่อว่าเหมือน Trump) และความเบื่อหน่ายต่อพรรค PT ทำให้เขาชนะเลือกตั้งแบบไม่ยากเย็นนัก
เมื่อได้เป็นประธานาธิบดี เขาก็ดึงเอา Sérgio Moro ผู้พิพากษาที่เป็นหัวหน้าคณะสืบสวนของ Operation Car Wash มาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมด้วย เรียกง่ายๆ ว่าดึงเอาศัตรูของ PT เข้ามารวมกัน
Jair Bolsonaro เข้ามาดำรงตำแหน่งก็ดำเนินนโยบายขวาจัดหลายอย่าง (แน่นอนว่าก็ถูกต้านโดนคนเมืองใหญ่ที่เลือกพรรค PT) เช่น ต่อต้านเกย์, ต่อต้านการทำแท้ง, ต่อต้านชนกลุ่มน้อย, สนับสนุนให้ถางป่าอเมซอนทำพื้นที่เกษตร, กล่าวชมเผด็จการทหารของบราซิลในอดีต ฯลฯ
Jair Bolsonaro รับตำแหน่งวันที่ 1 มกราคม 2019 และลาออกจากพรรค SNL จากนั้นไม่นาน หลังจากทำงานมาได้ประมาณ 1 ปีก็โดน COVID-19 เข้าเต็มๆ
ปฏิกิริยาของ Bolsonaro คล้ายกับ Trump คือปฏิเสธความจริงเรื่องไวรัส, ต่อต้านการปิดเมือง, ทะเลาะกับรัฐบาลท้องถิ่นเรื่องการปิดเมือง, ปลุกระดมผู้สนับสนุนออกมาเดินขบวนประท้วง เขายังไปไกลกว่า Trump โดยสั่งปลด รมว. สาธารณสุข เพราะเห็นไม่ตรงกันเรื่อง social distancing (และ รมว. คนใหม่ที่มาแทนก็ลาออกในเวลาประมาณ 1 เดือน) ส่วน รมว. ยุติธรรม Moro ก็เพิ่งลาออกเช่นกัน
บทความใน TIME ยังอ้างถึงคลิป Bolsonaro ไปเล่นเจ็ตสกีในช่วง COVID-19 และคุยกับคนบราซิลที่ปาร์ตี้บนเรือ (ที่ถ่ายคลิปนี้ไว้) เมื่อถูกถามถึงสถานการณ์ไวรัส เขาก็ตอบว่า “ทำอะไรไม่ได้แล้ว” (There’s nothing to be done)
แน่นอนว่าโดนชาวเน็ตบราซิลถล่มหนัก เพราะคนตายเป็นหมื่นยังไปขี่เจ็ตสกีสบายใจ
ไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์ที่บราซิลจะจบลงอย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือ การเมืองบราซิลไม่นิ่ง พรรค PT ที่ทรุดลงไปเปิดสุญญากาศอำนาจ ในขณะที่ Bolsonaro ผู้ฉกฉวยจังหวะจนขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีได้ ก็ไม่สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากนัก ในระยะสั้นที่พอมองเห็น บราซิลน่าจะยุ่งและมั่วกันไปอีกนาน