Disclaimer: ผมรู้จักกับคุณธนาธรเป็นการส่วนตัว แม้จะไม่สนิทมากนัก แต่ก็เคยพบปะกันอยู่บ้าง
นักการเมืองหน้าใหม่ที่เริ่มเข้าสู่แวดวงการเมือง มักออกหนังสือชีวประวัติเพื่อแนะนำตัวเอง (ในเชิงลึกกว่าการหาเสียงทั่วไป) ที่ชัดเจนคือ The Audacity of Hope ของโอบามา ที่เป็นปัจจัยหนึ่งในการผลักดันเขาเป็นประธานาธิบดี
กรณีที่เด่นที่สุดในเมืองไทยคงหนีไม่พ้น “ตาดูดาว เท้าติดดิน” ของทักษิณ และ “เย็นลมป่า” ของชวน หลีกภัย ส่วนอภิสิทธิ์และยิ่งลักษณ์ ก็มีหนังสือลักษณะเดียวกันที่เขียน/รวบรวมข้อมูลโดยบุคคลอื่นในช่วงที่กำลังดังๆ เช่นกัน
เมื่อถึงคราวของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แห่งพรรคอนาคตใหม่ ก็ไม่ต่างกัน มีหนังสืออย่างน้อย 3 เล่มที่เขียนถึงประวัติของเขาออกสู่แผงหนังสือในปี 2561
จริงๆ เล่มที่อยากอ่านคือ “Portrait ธนาธร” เพราะชื่นชอบในผลงานของคุณวรพจน์ พันธุ์พงศ์ แต่ก็ไม่ได้ขวนขวายไปหาซื้อมา ส่วนเล่มที่เขียนถึงคราวนี้คือ “ปักธงอนาคต” โดยเจนวิทย์ เชื้อสาวะถี ได้รับมาจากมติชน มีโอกาสเลยนั่งอ่านดูหน่อย ใช้เวลาไม่นานประมาณ 1-2 ชม. ก็อ่านจบแล้ว
เนื้อหาใน “ปักธงอนาคต” เป็นการรวบรวมข้อมูลของคุณเจนวิทย์ ผ่านการสัมภาษณ์ธนาธรและบุคคลรายรอบ รวมถึงได้เข้าถึงไดอารีและเอกสารส่วนตัวของธนาธรด้วย
ชีวิตของธนาธรในเล่มถูกแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่
- วัยเด็ก ที่โตมากับพ่อแม่ที่สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างกิจการ Thai Summit กันขึ้นมา การเติบโตขึ้นมาในช่วงที่ครอบครัวเริ่มร่ำรวย ทำให้ค่อนข้างใจแตกในช่วงเรียนมัธยม (แม้จะเรียนเตรียมอุดม แต่ก็ไม่ตั้งใจเรียน แต่งรถ กินเหล้า ฯลฯ)
- จุดเปลี่ยนสมัยมหาวิทยาลัย ที่เริ่มหันมาทำกิจกรรมนักศึกษา เห็นโลกของนักกิจกรรม เห็นโลกของฝ่ายซ้าย และอินกับการร่วมม็อบจนไม่สนใจการเรียน และแม่ต้องบีบให้ไปเรียนที่อังกฤษจนจบ
- จุดเปลี่ยนเมื่อพ่อ (พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ก่อตั้ง Thai Summit) เสียชีวิต และต้องกลับมาสืบทอดกิจการของ Thai Summit ทันทีเมื่อเรียนจบ สวิงกลับจากโลกของฝ่ายซ้ายมายังโลกของทุนนิยมเต็มตัว
ชีวิตของธนาธรที่สวิงกลับไปมา ทำให้เขาเป็นบุคคลที่น่าสนใจตามฉายาที่สื่อตั้งให้ว่าเป็น “ไพร่หมื่นล้าน” มีความ contrast ในตัวสูง เพราะอยู่ทั้งสองสุดปลายระหว่าง “ไพร่” ที่พยายามกลืนตัวเองเข้ากับคนธรรมดา คนตัวเล็กตัวน้อย กับนักธุรกิจที่ดูแลกิจการมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
หนังสือเล่าถึงชีวิตของธนาธรหลายแง่มุม ทั้งชีวิตส่วนตัวว่าพบกับภรรยาอย่างไร ตั้งชื่อลูกอย่างไร, กิจกรรมด้านกีฬาที่พยายามผลักดันตัวเองให้ “สุด” ก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายและจิตใจให้ได้ (รวมถึงแผนการไปขั้วโลกใต้ที่พับไปแล้ว) ถือเป็นข้อมูล exclusive ที่ดี ไม่น่าจะหาได้จากที่อื่นอีก เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบและสนับสนุนธนาธรในฐานะนักการเมือง
ส่วนในประเด็นเรื่องแนวคิดทางการเมืองของธนาธร ผมคิดว่าสื่อทั่วไปสัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้กันไปเยอะแล้ว ในหนังสือคงไม่ได้เน้นส่วนนี้มากนัก แต่เน้นไปที่ประวัติ-ที่มาที่ไปว่าทำไมธนาธรถึงคิดแบบนี้ซะมากกว่า
ข้อติของหนังสือเล่มนี้คงเป็นว่า ออกจะอวยธนาธรมากไปนิด (ซึ่งก็คาดเดาได้ล่วงหน้า เพราะเป็นหนังสือที่หวังผลด้านการเมือง ไม่ได้ผิดแผกอะไร) อีกส่วนหนึ่งคิดว่าผู้เขียนยังมีประสบการณ์น้อยไปหน่อย (แม้จะเห็นความพยายามในการทำการบ้านเรื่องข้อมูล) ทำให้ “ชั้นเชิง” การเขียนหนังสือให้ critical ยังไม่เต็มที่มากนัก (อันนี้ต้องขอไปอ่านเล่มของวรพจน์มาเปรียบเทียบกัน)
ข้อมูลใหม่ที่ผมก็เพิ่งรู้จากหนังสือเล่มนี้
- พ่อของธนาธร “พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นพี่น้องคนที่ 2 ในตระกูล และเป็นพี่ชายของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ปัจจุบันไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐเรียบร้อยแล้ว
- พี่ชายคนโตใช้อีกนามสกุลหนึ่งคือ “สรรเสริญ จุฬางกูร” โดยเหตุผลที่ใช้เพราะตอนแรกไม่มีนามสกุล ใช้ “แซ่จึง” และตั้งนามสกุลกันเอง
- สรรเสริญและพัฒนา เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท “สามมิตร” โดยเริ่มจากธุรกิจเบาะรถยนต์ ภายหลังกลายเป็นบริษัท Summit Group (ชื่อ Summit = สามมิตร)
- พัฒนา แต่งงานกับสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เลยแยกธุรกิจออกมาทำเอง ไม่ยุ่งกับกงสี โดยใช้ชื่อว่า Thai Summit
- ดังนั้น Summit กับ Thai Summit จึงไม่เกี่ยวข้องกัน แม้ผู้ก่อตั้งเป็นพี่น้องกัน และบางครั้งก็แข่งขันกันเองด้วยซ้ำ
- สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อยู่ในบริษัท Summit ไม่เกี่ยวข้องกับ Thai Summit
- ธนาธรโดนโจมตีเรื่องสุริยะมาตลอด และเมื่อทราบข่าวว่าสุริยะประกาศไปอยู่กับ พปชร. เขาก็บอกว่า “ดีใจมาก”