in Games, Technology

PS5 Pro – Diminishing Returns

ความรู้สึกหลังดูคลิปเปิดตัว PS5 Pro ที่ได้ Mark Cerny มาอธิบาย “สมรรถนะ” ของฮาร์ดแวร์ใหม่ ปัญหาที่พบคือไม่สามารถแยกแยะ “ความสวย” ที่เพิ่มขึ้นด้วยสายตาแบบปกติได้แล้ว

รูปจากซีนในเกม Spider-Man เทียบกันระหว่าง PS5 ธรรมดา (รันโหมด Performance ที่เน้นเฟรมเรต ไม่เน้นรายละเอียด) กับ PS5 Pro

ขนาดดูด้วยจอภาพที่ค่อนข้างใหญ่ ตั้งความละเอียดคลิปเป็น 4K แล้วยังแยกแทบไม่ออก ด้วยเหตุผลว่าภาพนั้นมีรายละเอียดมากจริงๆ สายตาและสมองของเราไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างแบบเรียลไทม์ได้

เรื่องนี้พิสูจน์ด้วย Sony เองก็ต้อง “ซูม” ให้ดูเพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างว่า ความชัดของรถบรรทุกคันที่อยู่ไกลๆ นั้นมันชัดไม่เท่ากันนะ (ฮา)

ในฐานะที่เติบโตมากับเกมคอนโซลทุกยุคทุกสมัย (นับจาก Famicom เป็นต้นมา) การที่เราไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของ PS5 กับ PS5 Pro ได้ง่ายๆ อีกแล้ว เป็นสัญญาณที่ชัดเจนมากว่าเราเข้าสู่พรมแดนของ Diminishing Returns ในโลกกราฟิกเรียบร้อยแล้ว คือ ภาพมันสวยงามสมจริงจนไม่รู้จะเพิ่มอะไรเข้าไปอีกแล้ว ต่อให้เพิ่มรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ (ที่ทำยาก สร้างยาก เปลืองพลังประมวลผล) สายตามนุษย์ทั่วไปก็แยกไม่ออกแล้ว

อาการนี้จริงๆ เริ่มเกิดมาสักระยะแล้ว (เคยเขียนเรื่องนี้ไว้แล้วครั้งหนึ่งตอน PS5 รุ่นปกติออก Diminishing Returns) อย่างในจีพียูรุ่นหลังๆ ที่เพิ่มเรื่อง Ray Tracing เข้ามา (ตั้งแต่ GeForce 20 ที่ออกปี 2019) ก็ถูกวิจารณ์เหมือนกันว่า เพิ่มแสงสะท้อนวัตถุที่สมจริงขึ้น (ซึ่งเป็นความก้าวหน้าอย่างมากในทางการประมวลผล) มันไม่ได้มีผลอะไรต่อความรู้สึกของผู้เล่นขนาดนั้น มีเงาสะท้อนน้ำ สะท้อนพื้น สะท้อนรถ เกมมันก็เล่นได้สนุกเท่าเดิม

เพิ่งอ่านบทความของ Jason Schreier นักข่าวสายเกมของ Bloomberg ก็ใช้คำเดียวกันคือ Diminishing Returns

Many video-game enthusiasts have noticed over the last few years that graphics have reached a point of diminishing returns.

Schreier บอกว่าปัจจุบันเราไม่ต้องชมเกมสมัยใหม่ว่า “ภาพสวย” (great graphics) ว่าเป็นจุดขายของเกมนั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะทุกเกมภาพสวยเหมือนกันหมด

It’s become redundant to say that a modern game has “great graphics,” the way we might have in the 1990s or early 2000s. These days, they all do.

ดังนั้นการนำเสนอของ Cerny จึงแทบไม่มีผลอะไรมากเลย

But watching Cerny’s presentation was a reminder that despite the giddy excitement over ray-tracing and reflective surfaces, the graphical improvements brought by the newest consoles on the market are insignificant.

หากดูในคลิปของ Cerny จุดขายของ PS5 Pro ที่โซนี่นำเสนอคือ ไม่ต้องเลือกอีกต่อไประหว่าง “ภาพสวยเฟรมเรตต่ำ” (Fidelity Mode) หรือ “เฟรมเรตสูงภาพไม่สวยมาก” (Performance Mode) แบบที่ต้องทำใน PS5 รุ่นปกติ เพราะ PS5 Pro ตัวเดียวรับจบ ภาพสวย เฟรมเรตสูง เป็นไปได้จริง ฟังดูน่าตื่นเต้นมาก

มันอาจฟังดูดีหากโลกนี้ PS5 Pro คือเป็นฮาร์ดแวร์ที่มีสมรรถนะสูงสุดสำหรับเล่นเกม แบบเดียวกับในยุค PS2/PS3 ที่พลังประมวลผลของคอนโซลนำหน้าพีซีไปไกล

แต่ในยุค PS4 เป็นต้นมา ที่คอนโซลใช้สเปกแบบเดียวกับพีซีกันหมดแล้ว และกลายเป็นพีซี “ตกรุ่น” อยู่พักใหญ่ๆ (รอบของคอนโซลเฉลี่ย 7 ปี) ฮาร์ดแวร์ที่มีสมรรถนะสูงที่สุดไม่ใช่คอนโซลอีกต่อไปแล้ว คอนโซลกลายเป็น “ฮาร์ดแวร์สมรรถนะเหมาะสม ในราคาที่เหมาะสม” ด้วยเหตุผลว่าบริษัทคอนโซลขายเครื่องในราคาขาดทุน เพื่อไปทำกำไรจากการขายเกมแทน

จุดขายเรื่องภาพสวยเฟรมเรตสูงของ PS5 Pro เป็นจริงแค่ในจักรวาล PlayStation เท่านั้น เพราะเกมมิ่งพีซีที่สามารถรันภาพ 4K 60 FPS ได้นั้นมีมานานแล้วหลายปี และราคาก็ถูกลงเรื่อยๆ (หากเราอ้างอิงจาก ชาร์ทของ Tom’s Hardware จีพียูที่รัน 4K Ultra @60 แท้ๆ ไม่ต้องมี upscaling จะอยู่ราวๆ RTX 4070 Ti Super ราคาเปิดตัว 799 ดอลลาร์ แต่ถ้าใช้เทคนิค upscaling ช่วยก็สามารถซื้อจีพียูที่ถูกลงกว่านั้นได้อีก)

ดังนั้นสิ่งที่ PS5 Pro เคลมไว้เรื่อง “ภาพสวย x เฟรมเรตสูง” จึงไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น เพราะชาวพีซีทำได้กันมาหลายปีแล้ว แค่ว่าต้องใช้เงินเยอะหน่อยเท่านั้น การที่คอนโซลตั้งราคาขายถูกกว่าพีซีในสเปกใกล้ๆ กัน ยังเป็นข้อดึงดูดได้อยู่

แต่ราคาเปิดตัว PS5 Pro ที่ 699 ดอลลาร์ ก็ทำให้จุดเด่นเรื่อง “ฮาร์ดแวร์สมรรถนะเหมาะสม ในราคาที่เหมาะสม” เริ่มหายไปอีกเช่นกัน

ข้อดีอย่างเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้คงเป็นการได้เล่นเกมเอ็กซ์คลูซีฟ PlayStation ก่อนใครเพื่อน แต่โซนี่ก็ไม่ได้เปิดตัวเกมใหม่ใดๆ สำหรับ PS5 Pro เลยด้วยซ้ำ ยังไม่รวมปัจจัยว่าคนจำนวนมากก็ไม่ได้สนใจเกมใหม่ล่าสุดมากนัก และยังเล่นเกมเก่าๆ อย่าง Fortnite หรือ GTA Online กันต่อไป (ด้วยเหตุผลว่ากราฟิกไม่สำคัญเท่ากับเกมเพลย์ หรือชุมชนผู้เล่น)

อนาคตของเกมคอนโซลในภาพรวมจะเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่ยากจริงๆ

Schreier สรุปไว้อย่างสวยงามว่า PS5 Pro ไม่ใช่คอนโซลแห่งอนาคต แต่มันเป็นเหมือนเศษซากของอดีตที่กำลังหายไปอย่างรวดเร็ว

The PS5 Pro doesn’t feel like the console of the future — it feels like the vestige of a rapidly disappearing past.