ผมเคยเขียนเรื่อง Pat Gelsinger ไปแล้วหลายครั้ง เคยเขียนสมัยแกเป็นซีอีโอของ VMware ไว้สองครั้งเมื่อปี 2019 คือ Pat Gelsinger และ The Country Everything Just Works ในโอกาสที่ได้ไปร่วมงาน VMworld ที่สิงคโปร์
นอกจากได้ฟัง Pat พูดบนเวที (เหมือนผู้ร่วมงานคนอื่นๆ) ผมยังได้เจอ Pat ในระยะประชิดหนึ่งครั้ง ตอนที่นั่งสัมภาษณ์ผู้บริหารคนอื่น (ถ้าจำไม่ผิดคือ COO) แล้ว Pat เดินเข้ามาผิดห้อง หัวเราะ แล้วเดินออกไป
หลังจากนั้น Pat มาเป็นซีอีโอของ Intel เมื่อต้นปี 2021 ซึ่งนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงมากมาย (ที่เคยเขียนไว้ในบล็อกนี้คือ IDM 2.0, Smart Capital ยังมีใน Blognone อีกจำนวนหนึ่ง)
ในโอกาสที่ Pat ทำงานเป็นซีอีโอ พยายามกอบกู้วิกฤตของ Intel มาครบ 1 ปี ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2022 แกเลยออกสื่อหลายชิ้น เพิ่งมีเวลาอ่าน-ดูคลิปเลยมาจดประเด็นน่าสนใจเอาไว้
คลิปสัมภาษณ์ของ Bloomberg
บทสัมภาษณ์ใน Fast Company
ในแง่ยุทธศาสตร์ของ Intel เราพูดกันไปเยอะแล้ว ที่น่าสนใจคือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเจ้าตัว Pat Gelsinger เอง
- Pat เกิดในครอบครัวชาวนาที่รัฐเพนซิลวาเนีย สมัยเด็กคาดหวังว่าจะทำฟาร์มสืบทอดกิจการต่อไป แต่ตอนอายุ 16 ได้ทุนไปเรียนช่างไฟฟ้าที่วิทยาลัยท้องถิ่น
- อายุ 18 Intel มารับสมัคร technician ที่วิทยาลัย เห็นแววเลยชวนไปสัมภาษณ์งานที่ออฟฟิศ (Intel อยู่แคลิฟอร์เนีย ชายฝั่งตะวันตก, Pat อยู่เพนซิลวาเนีย ชายฝั่งตะวันออก) เขาไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อนเลยชีวิต จึงตอบรับไปสัมภาษณ์งานทันที
- Pat ได้งานที่ Intel ทั้งที่ยังไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ เขาจึงทำงานไปด้วย แล้วเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วยจนเรียนจบ
- Pat ได้อยู่ในทีมออกแบบชิป 386 และเป็นหัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรม 486 ซึ่งตอนนี้เขายังติดเข็มกลัดรูปชิป 486 ไว้ที่เสื้อสูทเสมอ
- Pat เป็นคนไปชวน Steve Jobs ย้ายมาใช้ชิป x86 ซึ่งชวนอยู่หลายรอบกว่าจะสำเร็จ หลังแอปเปิลย้ายมาใช้ x86 เขาก็ย้ายจากพีซีมาใช้แมค และเมื่อแอปเปิลย้ายไปใช้ Arm เขาเปลี่ยนกลับมาใช้พีซี
- Pat ไต่ตำแหน่งใน Intel มารวดเร็ว จนได้ขึ้นเป็น CTO ในปี 2001 และตั้งเป้าว่าจะเป็น CEO ให้ได้สักวัน แต่พอถึงยุค Paul Otellini ขึ้นเป็น CEO ในปี 2009 เขาก็ถูกดอง และลาออกไปอยู่กับ EMC แทน สิ้นหวังจะได้เป็น CEO Intel แล้ว
- ช่วงปลายปี 2020 ตอนที่เขายังเป็นซีอีโอ VMware ก็ได้รับการติดต่อจาก “บ้านเก่า” อย่าง Intel มาชวนไปเป็นบอร์ดเพื่อกู้วิกฤต เขาจึงขอ “เจ้านาย” คือ Michael Dell (ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Dell/VMware) ว่าไปได้ไหม คำตอบของ Michael Dell คือไปสิ ช่วยกัน แต่ภายหลัง Intel บอกว่าไม่ต้องเป็นแล้วบอร์ด มาเป็นซีอีโอเลยดีกว่า ซึ่ง Pat ก็ตอบรับ กระบวนการทั้งหมดใช้เวลา 3 สัปดาห์
- วันแรกที่เขาพูดกับพนักงาน Intel เขาใส่เสื้อที่มีคำว่า Torrid (ร้อนระอุ) เพื่อสื่อความหมายของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และสถานการณ์ของ Intel ในตอนนั้น
- เขาให้เกรดตัวเองจากการทำงานปีแรกเป็น A- ส่วนบอร์ดให้ A
- หลังมาเป็น CEO เขาเจอวิศวกรคนหนึ่ง กลับมาเถียงเขาด้วยข้อมูลแล้วชนะ เขาประทับใจมากที่วิศวกรกลับมาเถียงชนะ CEO ได้ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมองค์กรของ Intel ในสมัยก่อนที่วิศวกรเป็นใหญ่ (the geeks are back)
- นักข่าวคนหนึ่ง Michael S. Malone ที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ Intel บอกว่า Pat ไม่กดดันที่ต้องสืบทอดตำนานของ Intel จากยุคของ Noyce, Grove, Moore เพราะ Pat เคยทำงานอยู่ตรงนั้น รู้จุดแข็งและจุดอ่อนของวัฒนธรรมยุคนั้นเป็นอย่างดี
- Pat บอกว่าจะสืบทอดแนวทาง Only the Paranoid Survive ของ Grove แต่ก็ยอมรับว่า วัฒนธรรมองค์กรในยุคนั้นก็มีปัญหาบางจุด เช่น ไม่มีเรื่อง diversity/inclusivity อย่างในยุคปัจจุบัน และมีการเผชิญหน้ากันในองค์กรมากเกินไป (Grove ใช้คำว่า constructive confrontation ในหนังสือของเขา)