in Economics

พลังงานไฟฟ้าสะอาด จุดตายของเศรษฐกิจไทย

ช่วงหลังผมหันมาสนใจโลกของพลังงานมากขึ้น เพราะเทคโนโลยีพลังงานมีพัฒนาการที่น่าสนใจหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องไฟฟ้าแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่

พอเข้ามาเจอกับคนแวดวงพลังงาน แวดวงอุตสาหกรรมการผลิตมากขึ้น ก็พบความจริง (ที่น่าตกใจ!) ว่าเรื่องพลังงานสีเขียว green energy ส่งผลสะเทือนต่อวงการอุตสาหกรรมไทย ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าภาษี Trump Tariff หรือสงครามการค้าเลย และเผลอๆ อาจสะเทือนหนักกว่าด้วยซ้ำ

ประเด็นหลักคือ อุตสาหกรรมการผลิตของไทยเน้นส่งออกเป็นหลัก ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่คือบริษัทในโลกตะวันตกทั้งอเมริกาและยุโรป บริษัทเหล่านี้มีความตื่นตัวเรื่องพลังงานสะอาดอย่างมาก

บริษัทยุโรปนั้นชัวร์อยู่แล้วไม่ต้องอธิบายกันมาก แต่ต่อให้เป็นบริษัทอเมริกัน ที่มีปัจจัย Trump กลับมาส่งเสริมพลังงานฟอสซิล (drill baby drill) เข้ามาเกี่ยวข้อง บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เราเห็นชื่อคุ้นๆ ตากันทั้งหลาย ก็ยังมีนโยบายกำหนดเส้นตายเรื่องสิ่งแวดล้อม การปลดปล่อยคาร์บอน พลังงานสะอาดอย่างเข้มงวดเหมือนกับยุคก่อน Trump

ยกตัวอย่างง่ายๆ ลองไปดูข่าว datacenter ของบริษัทคลาวด์ใหญ่ๆ ก็ได้ ทุกบริษัทล้วนแต่แสวงหา “พลังงานสะอาด” ไม่ว่าจะเป็นโซลาร์ น้ำ ลม แม้กระทั่งไปซื้อหรือเซ็นสัญญาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพื่อมาใช้กับ datacenter ของตัวเอง ดีกรีของความจริงจังจึงสูงมาก

แล้วมันเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างไร?

คำตอบคือบริษัทเหล่านี้ที่มาตั้งโรงงาน หรือมาจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฮาร์ดดิสก์ ชิ้นส่วนรถยนต์ ฯลฯ ในประเทศไทย ล้วนแต่มาพร้อม “ข้อบังคับ” ว่าโรงงานไทยต้องใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิตด้วย ถ้าไม่สามารถทำได้ เขาก็พร้อมย้ายออเดอร์ไปยังโรงงานในประเทศอื่นที่ตอบโจทย์มากกว่า

ในละแวกแถวๆ นี้ ประเทศที่มีฐานการผลิตพร้อมพลังงานสะอาดเต็มรูปแบบคือ จีน เรารู้อยู่แล้วว่าจีนเป็นผู้นำของพลังงานสะอาด แผงโซลาร์ แบตเตอรี่ รถ EV ฯลฯ

ไม่รู้เรียกว่าโชคดีได้ไหม การเข้ามาของ Trump ทำให้จีนมีปัจจัยเรื่อง geopolitics ความเสี่ยงของสงครามการค้าและสงครามอาวุธนั้นสูงกว่าปัจจัยพลังงานสะอาด แบรนด์ตะวันตกจึงยอม “หยวนๆ” ให้ยังผลิตสินค้าในประเทศแถบอาเซียนได้อยู่ อย่างน้อยก็ชั่วคราว

ตรงนี้จึงเป็นโอกาสดีมากที่บริษัทอุตสาหกรรมไทย “ควรจะ” กอบโกยลูกค้าที่หนีออกจากจีนไม่ให้ไปไหน ปัจจัย Trump ถือเป็นฟ้าประทานสำหรับภาคอุตสาหกรรมไทยที่เริ่มแข่งขันไม่ได้แล้ว

แต่ในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม เพราะ “ไฟฟ้าสะอาด” ของเรามีไม่พอนั่นเองครับ

ถ้าโรงงานอยากได้ไฟฟ้าสะอาดเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าไฮเกรดจากตะวันตก มีทางเลือก 3 ทาง

  1. ซื้อจากการไฟฟ้า
  2. ผลิตเอง (จากแผงโซลาร์)
  3. ซื้อจากคนอื่น

การซื้อไฟฟ้าสะอาดจากการไฟฟ้านั้นมีรายละเอียดทางเทคนิคเยอะมาก อธิบายแบบง่ายๆ คือ ระบบกริดหรือสายส่งของไทยยังล้าหลัง ไฟฟ้าสะอาดถูกมัดรวม (bundle) กับไฟฟ้าประเภทอื่น แยกได้ยาก และฝั่งการผลิตไฟฟ้าของไทยเอง เราก็ทราบกันดีจากข่าวว่ามีการสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าจากก๊าซที่เกินความจำเป็นไปมาก

ส่วนการผลิตเองฟังดูง่ายมาก แค่ติดแผงก็จบแล้ว เริ่มได้ที่ตัวเอง แต่เพื่อนคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านโรงงาน ให้ความกระจ่างกับผมว่า “ไปดูหลังคาโรงงานใหญ่ๆ ในไทยได้เลย ไม่มีที่ว่างเหลือแล้ว แผงโซลาร์เต็มไปหมด แม้กระทั่งที่จอดรถ”

เมื่อเร็วๆ นี้ ผมมีโอกาสไปเยี่ยมชมโรงงานอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งของไทย เขาบอกว่าติดโซลาร์เต็มพื้นที่ทั้งหมดที่เป็นไปได้แล้ว ได้ไฟฟ้าสะอาดกลับมา 6% ของพลังงานที่ต้องการ

ฟังแล้วตกใจเหมือนกัน ถ้าผลิตไฟฟ้าสะอาดได้แค่ 6% แล้วจะเอาอะไรกิน

ทางออกของโรงงานแห่งนี้จึงเป็นการขยายไปยังนิคมอุตสาหกรรมอื่นที่ยังพอมีที่ว่าง แล้วติดแผงโซลาร์ตรงที่ดินข้างๆ เพื่อส่งไฟฟ้าสะอาดมายังโรงงาน โยกลูกค้าพรีเมียมที่เงื่อนไขเยอะๆ มาอยู่ตรงนี้ เอาตัวรอดไปก่อนในระยะสั้น รักษาออเดอร์เงื่อนไขสูงๆ ไม่ให้ย้ายฐานไปยังประเทศอื่นไว้ให้ได้ก่อน

ผมถามว่าสถานการณ์เรื่องออเดอร์ที่ต้องใช้ไฟสะอาดผลิต มันกดดันแค่ไหน เขาก็ตอบว่า กดดันมาก ไม่รู้จะต้านการย้ายฐานได้อีกนานแค่ไหน และถ้าลูกค้าย้ายฐานไปแล้ว มักไม่ค่อยกลับมาอีก

ทางเลือกที่สามเรื่องการซื้อไฟ อันนี้ยิ่งพิสดาร สมมติว่าผมมีที่ดินเปล่าๆ ว่างๆ อยู่ห่างจากนิคมอุตสาหกรรมไปประมาณ 3 กิโล 5 กิโล อยากเอาที่ดินมาทำประโยชน์ ติดแผงโซลาร์แล้วขายไฟกลับไปให้โรงงาน (ที่โคตรต้องการไฟสะอาด) มันก็น่าจะ win-win กันทุกฝ่ายสิ

ในทางทฤษฎีใช่ครับ แต่คุณก็รู้ว่าที่นี่ประเทศไทย

การซื้อไฟจากเอกชน หรือที่เรียกว่า Third Party Access ยังมีข้อจำกัดว่าถ้าลากสายผ่านที่ดินสาธารณะ หรือใช้สายผ่านโครงข่ายการไฟฟ้า กฎหมายไม่อนุญาตให้ทำได้ (ทำได้เฉพาะที่ดินติดกัน ลากสายข้ามรั้วกัน) ด้วยเหตุผลแปลกๆ ที่ผมคงไม่สามารถอธิบายได้

ที่สามารถบอกได้คือปัญหาเรื่องพลังงานไทย ไม่มีเรื่องไหนเป็นปัญหาทางเทคนิค ข้อจำกัดเทคโนโลยีเลย

ส่วนจะเป็นความล้าหลังของโครงสร้างพลังงานไทยเอง (ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ) หรือมีพลังลึกลับบางอย่างซ้อนเร้นอยู่ อันนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน (คลิปอธิบายเรื่องนี้ใน YouTube)

ถ้าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป สมมติว่า Trump อยู่ต่ออีก 3 ปีครบสมัย อเมริกากลับมาเดินเครื่องพลังงานสะอาดเต็มสูบ สงครามการค้าคลี่คลาย จีนปลดล็อค เวียดนามแก้ปัญหาพลังงานไฟฟ้าขาดแคลนได้ แถมมาเป็นพลังงานสะอาดด้วย

ไม่อยากคิดถึงวันนั้น เพราะภาคอุตสาหกรรมไทยไม่น่าจะมีโอกาสกลับมาได้อีกเลย