ฟังสัมภาษณ์ Chris Urmson ซีอีโอของบริษัทรถยนต์ไร้คนขับ Aurora Innovations ที่เน้นเรื่องรถบรรทุก ในรายการของ Kara Swisher (เคยเขียนถึงบริษัทนี้ไปนิดนึงในตอน Working: What We Do All Day)
บริษัทรถยนต์ไร้คนขับฝั่งสหรัฐอเมริกา ที่ก้าวหน้าที่สุดคือ Waymo, Cruise, Aurora (ก่อนหน้านี้มี Argo AI อีกแห่งแต่เจ๊งไปแล้ว) แถมตัว Urmson เองเคยเป็นหัวหน้าโครงการรถยนต์ไร้คนขับของกูเกิลมาก่อนด้วย (ก่อนกลายมาเป็น Waymo) ดังนั้นความเห็นของ Urmson จึงควรค่าแก่การรับฟัง
เส้นทางชีวิตก่อนหน้า
- เส้นทางชีวิตของ Urmson คือเป็นนักเรียน ป.โท ของ Carnegie Mellon และไปร่วมแข่งรถยนต์ DARPA Grand Challenge ที่โด่งดัง จากนั้นเมื่อเรียนจบเขาก็เป็นอาจารย์ที่ CMU ต่อ
- แต่มีอยู่วันหนึ่ง Sebastian Thrun เพื่อนที่เคยแข่ง DARPA ด้วยกัน ไปทำงานฝ่าย Google Street View มาชวนไปทำงานด้วย เหตุผลเพราะ Larry Page ชวนให้ Thrun มาเปิดฝ่ายรถยนต์ไร้คนขับกับกูเกิล ทำให้ Thrun มาชวน Urmson อีกที (ตอนนั้นยังไม่มี Android/Chrome เลยด้วยซ้ำ)
- ทีมของ Urmson พัฒนารถไร้คนขับต้นแบบสำเร็จใน 18 เดือน แต่ภายหลังเขาตัดสินใจลาออก เพราะมองว่าทำโครงการนี้กับกูเกิลไปแล้วไม่น่าจะเกิดแบบใหญ่ๆ ได้ แม้กูเกิลใจดีมากแล้วก็ตามที่สนับสนุนให้เกิดขึ้น
- หมายเหตุ: Thrun คือผู้ก่อตั้ง Google X, ร่วมก่อตั้ง Udacity และภายหลังไปทำบริษัทเครื่องบินไร้คนขับ Kitty Hawk ที่มี Larry Page สนับสนุน แต่สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จและต้องปิดตัว
ทำไมต้องรถบรรทุก
- เป้าหมายจริงๆ คืออยากสร้าง “คนขับ” ที่ขับได้ทุกสถานการณ์ เริ่มต้นด้วยรถยนต์โดยสาร (car) ข้อดีคือไม่ต้องใช้ใบขับขี่พิเศษ ประหยัดน้ำมัน และมีรัศมีการมองไปข้างหน้าของ LIDAR น้อยกว่าคือ 200 เมตร (รถบรรทุกต้องการ 400 เมตร เพราะวิ่งบนไฮเวย์ที่ความเร็วสูงกว่า ต้องใช้ระยะในการหยุดรถมากกว่า ซึ่งเทคโนโลยีตอนนั้นยังทำไม่ได้)
- แต่สุดท้ายมาโฟกัสรถบรรทุก เพราะมีความเป็นไปได้ทางธุรกิจมากกว่า เนื่องจากธุรกิจขนส่งเป็นธุรกิจที่จำเป็นต่อซัพพลายเชนของประเทศ แต่งานขับรถบรรทุกเป็นงานหนัก ขับยาว ขับนาน อยู่ไกลบ้าน ทำให้ตลาดขาดคนขับรถบรรทุกอยู่ถึง 80,000 ตำแหน่ง โอกาสทางธุรกิจจึงมากกว่า
วิธีการทำงานของ Aurora
- ใช้ LIDAR, เรดาร์, กล้อง ประกอบกัน การใช้กล้องช่วยให้มองเห็นสีของไฟจราจร
- คอมพิวเตอร์ในรถมี 3 เครื่อง เป็นระบบคู่กัน redundant 2 เครื่อง เพื่อสลับไปมาได้ ส่วนระบบที่สามเป็นระบบสำรอง กรณีระบบหลักพังทั้งคู่ ระบบที่สามจะทำงานง่ายๆ อย่างการนำรถจอดได้
- ขั้นต่อไปคือการ fine tune สิ่งต่างๆ ให้เข้าที่ และทำให้คนเชื่อได้ว่ารถบรรทุกไม่มีคนขับนั้นปลอดภัยจริงๆ
- Aurora จับมือกับบริษัทรถบรรทุกหลายเจ้า เช่น Toyota, Volvo Truck, PACCAR เพื่อปรับแต่งส่วนต่างๆ ของรถบรรทุกให้เหมาะกับระบบขับอัตโนมัติ เช่น มีระบบเบรกสำรองเพิ่มเข้ามาในรถ
- ทุกวันนี้ใช้รถบรรทุกแบบมีช่องนอนด้านหลัง แต่เอาคอมพิวเตอร์ไปใส่แทน และยังมีห้องสำหรับให้วิศวกรนั่งไปกับรถด้วย แต่เมื่อระบบพร้อมแล้วจะเอาพื้นที่พวกนี้ออก เพื่อให้รถถูกลง เบาลง
แผนธุรกิจ
- จะมีบริษัทที่สร้างรถยนต์ไร้คนขับได้จริงๆ เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น เพราะต้องมีทั้งเทคโนโลยี คน เงิน และปัจจัยอื่นๆ ซึ่งธุรกิจนี้ใช้เงินตั้งต้นสูงมากในการวิจัย
- โมเดลธุรกิจของ Aurora เป็นแบบ service คือให้เช่าคนขับ ซึ่ง Urmson มองว่าดีในระยะยาว เพราะมีสินทรัพย์น้อย ลงทุนครั้งแรกครั้งเดียวแล้วจบ
- แผนการคือเริ่มบริการช่วงปลายปี 2024 โดยเริ่มจากเส้นทางระหว่าง Dallas-Houston วิ่งนาน 4 ชั่วโมง เพราะเป็นถนนช่วงที่มีรถบรรทุกคนส่งมาก สภาพอากาศดี ไม่ค่อยมีหิมะตก และรัฐเท็กซัสให้การสนับสนุนดีมากเรื่องกฎระเบียบ เป็นเหตุว่าทำไมบริษัทรถไร้คนขับทุกรายต้องมาที่เท็กซัส
- ข้อดีของการวิ่งบน freeway ข้ามรัฐ คือหน้าตาเหมือนกันหมดทั้งประเทศ และกำกับดูแลโดยรัฐบาลกลาง มีมาตรฐานเดียวใช้ได้ทั้งประเทศ ทำอัลกอริทึมครั้งเดียวแล้วไม่ต้องปรับแก้อีก
- การวิ่งบน freeway ในความเป็นจริง ยังมีคนจอดรถแล้ววิ่งข้ามถนน หรือมีคนถอดเสื้อขี่จักรยานอยู่ข้างๆ ถนนอยู่บ้าง ต้องพร้อมทุกสถานการณ์
- นอกจากนี้ ระบบของ Aurora ยังต้องวิ่งออกจาก freeway เพื่อไปส่งของที่คลังสินค้าได้โดยไม่ต้องใช้คนด้วย จึงต้องวิ่งบนถนนทั่วไปได้ เพื่อให้เป็นรถยนต์ไร้คนขับอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่ว่าต้องมีมนุษย์มาขับในช่วงสุดท้ายอีก
พูดถึง Tesla
- ปรัชญาต่างกัน Aurora ต้องการระบบสำรอง (redundancy) เพราะ LIDAR, เรดาร์, กล้อง มองเห็นโลกแตกต่างกันไป ถ้าบางอันเกิดไม่เวิร์คขึ้นมา ยังมีระบบอื่นคอยตรวจจับแทนให้ได้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
- เขาไม่คิดว่าแนวทางใช้กล้องอย่างเดียวแบบ Tesla จะแก้ปัญหาแบบนี้ได้
- คู่แข่งรายอื่นๆ ในวงการนี้ คือ TuSimple, Waymo Truck (ไม่เน้นเท่ารถ), Embark (ปิดไปแล้ว)
- มองว่าผู้เล่นจากจีนเข้ามาแข่งในตลาดสหรัฐไม่ได้ และผู้เล่นจากสหรัฐเข้าไปในจีนไม่ได้อีกเหมือนกัน