in Books

ฝึกสมองให้เรียกโชค

เมื่อไม่นานมานี้ หมอผิง ธิดากานต์ ส่งหนังสือเล่มใหม่ “ฝึกสมองให้เรียกโชค” มาให้อ่าน (ขอบคุณฮับ )

ทุกคนคงรู้จักหมอผิง @thidakarn ในฐานะหมอชื่อดังบน Twitter ที่มีคนฟอลโลว์เกือบล้าน (ย้ำว่าอีกนิดนึงจะถึงล้าน) มีรายการพ็อดแคสต์และคอนเทนต์อื่นๆ มากมาย หมอผิงนั้นทั้งสวยทั้งเก่ง ความรู้แน่น สื่อสารเยี่ยม ไม่น่าแปลกใจอะไรที่คนติดตามเยอะขนาดนี้

ส่วนตัวแล้ว ผมรู้จักกับหมอผิง ธิดากานต์ มานาน น่าจะเกินสิบปี ครั้งแรกที่ได้คุยคือกระแส wearable computing กำลังเริ่มมา ตอนนั้น Blognone อยากจัดงานสัมมนาเรื่องนี้ ในฐานะคนสายไอทีเลยอยากได้คนสายการแพทย์มาร่วมเวทีด้วย และมีคนแนะนำหมอผิง ในฐานะหมอดาวรุ่งที่สนใจเรื่องไอทีด้วย

ครั้งแรกที่เจอหมอผิง ผมคิดในใจว่า “หมอสวยจัง” (555) แต่หลังจากนั้นก็พบว่าหมอ “เนิร์ดมาก” ในด้านการแพทย์ (555) และเมื่อหลายปีก่อนมีโอกาสได้ดูงานสาย healthtech ที่ประเทศจีนด้วยกัน เลยยิ่งพบว่าหมอตั้งใจมากๆ วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับไทย มีเวลาว่างนิดๆ หน่อยๆ ตอนเช้า หมอขอไปเดินตามหา “ตู้พบแพทย์ออนไลน์” ที่มหาวิทยาลัยในเซี่ยงไฮ้เพิ่มเป็นพิเศษ เราเดินตามหาตู้นั้นกันทั่วมหาวิทยาลัยจนเหนื่อย (เพราะหลงทาง ถามยามก็ไม่มีใครรู้จัก 555) แต่ก็แสดงให้เห็นว่าหมอตั้งใจจริงๆ ไปถึงถิ่นแล้วขอไปดูของจริงว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร

หนังสือเล่มใหม่ของหมอผิงมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Boost Your Brain for Luck ชื่อเหมือนหนังสือใบ้หวย 555 แต่อย่าให้ชื่อหนังสือหลอกเอาได้ครับ เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นหนังสือ “วิทยาศาสตร์สมอง”

เนื้อหาของหนังสืออาจก้ำกึ่งไปทางหนังสือ howto แนว “ปรับ mindset แล้วชีวิตจะดีขึ้น” ที่วางขายกันแพร่หลายในทุกวันนี้ แต่เพิ่มการอธิบายหลักการทำงานของสมองในเชิงการแพทย์เข้ามา บวกกับการเล่าประสบการณ์ส่วนตัวของหมอผิงเอง ว่าเคยใช้หลักการนั้นอย่างไร แล้วเกิดผลอะไรบ้าง (ทั้งสำเร็จและล้มเหลว)

แกนหลักของหนังสือคือการบอกว่า “โชค” นั้นจะวิ่งเข้าหาคนที่เตรียมตัว คนที่ขวนขวาย ถ้าอธิบายเป็นภาษาอังกฤษน่าจะเป็นคำว่า Luck Surface Area คือคนที่สร้างพื้นที่ “รับโชค” ให้ตัวเองเยอะเท่าไร ยิ่งมีโอกาสจะพบเจอโชคมากขึ้นเท่านั้น

คำถามถัดมาคือ เราจะฝึกสมองของเราเองอย่างไร เพื่อให้ไปถึงจุดนั้น ตัวอย่างในหนังสือกล่าวถึงหลักการทางสมองหลายรูปแบบ เช่น

  • manifestation การจินตนาการถึงเป้าหมาย เพื่อกระตุ้นให้ตัวเองมุมานะไปถึงจุดนั้น
  • hindsight bias การกล่าวโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุของความผิดพลาดในอดีต
  • inner voice กำจัดเสียงลบออกจากหัว เพิ่มเสียงทางบวก
  • the strength of weak ties ความสัมพันธ์แบบหลวมๆ ที่อาจนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ ในชีวิต เช่น เราได้งานจากเพื่อนของรุ่นพี่ที่เคยพบกันแค่ครั้งเดียว
  • flow state ภาวะลื่นไหลของสมอง
  • willpower การสร้างรูทีนเพื่อเพิ่มพลังใจ
  • การทำให้คนชอบเรา ด้วยการทำให้สมองส่วน medial prefrontal cortex (mPFC) ของเขาชอบเรา
  • การพักสมองตามหลักของร่างกาย circadian rhythm และ ultradian rhythm

พอมาเขียนแต่ศัพท์เทคนิคแบบนี้แล้วมันอาจดูยาก แต่จริงๆ แล้วหนังสืออ่านง่ายมากนะครับ หมอผิงมีวิธีการเล่าที่สามารถ relate กับผู้อ่านได้ดีมาก (เหมือนเรามีพี่สาวเป็นหมอใจดี แล้วมาเล่าให้น้องฟัง) และมีการย่อยประเด็นสร้างเป็น actions ที่สามารถนำไปปฏิบัติตามได้ง่ายด้วย

หนังสือเล่มเล็ก ไม่ยาว อ่านง่าย ใช้เวลาไม่นาน ผมใช้เวลาอ่านก่อนนอนประมาณ 2 คืนก็จบ แล้วคิดว่าเหมาะมากสำหรับผู้อ่านในวัยเรียนมหาวิทยาลัย-เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ เพื่อเป็นแนวทางการสร้างลักษณะนิสัยที่ดีในชีวิตต่อไป

แนะนำครับ