in Movies

The Mandalorian Season 2

หลังจากดู The Mandalorian ซีซัน 1 แล้วก็มาต่อกันเลยกับซีซัน 2 ที่มีความยาว 8 ตอนเหมือนกัน

ซีซัน 1 ใช้เวลาทั้งซีซันไปกับการเกริ่นนำ แนะนำให้รู้จักวัฒนธรรมแบบ “Mandalore” และค่อยๆ คลายปริศนาของ The Child

ตอนจบของซีซัน 1 พระเอกของเรา Din Djarin ที่จับพลัดจับผลูได้มาดูแล The Child ได้แนวทางว่าควรต้องพา The Child ไปคืน “พวกเจได” ที่เป็นใครก็ไม่รู้

ซีซัน 2 จึงเป็นเรื่องของการนำ The Child ไปคืนพวกเจได แต่จะคืนอย่างไร คืนที่ไหนดีล่ะ

ครึ่งแรก 4 ตอนจึงเป็นการตามหาร่องรอยของเจไดก่อน เริ่มจากการค้นหาชาว Mandalore คนอื่นๆ มาช่วยงาน โดยที่พระเอกของเราก็เดินทางไปตามดาวต่างๆ ไปทำภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องหลัก (แต่สนุก) ก็มาก

  • The Marshal ตอนแรกก็กลับไปดาวทาทูอีนเลย เพื่อไปล่ามังกร (555) สิ่งที่น่าสนใจในตอนนี้คือ ซีรีส์เพิ่มเมืองที่สามของดาวทาทูอีนมาคือ Mos Pelgo ซึ่งเดิมทีเรารู้จักแค่ Mos Eisley (Episode IV) และ Mos Espa (Episode I) เท่านั้น กับเสื้อเกราะของ Boba Fett ตัวละครต้นฉบับชาว Mandalore ที่ทุกคนเข้าใจกันว่าตกบ่อทรายตายไปแล้วใน Episode VI
  • The Passenger พระเอกต้องรับบทบาทขนส่งคุณนายกบ Frog Lady ไปส่งที่ดาวน้ำ Trask ซึ่งมีร่องรอยของชาว Mandalore อยู่ แต่ต้องไปแวะที่ดาวน้ำแข็งร้าง ต่อสู้กับแมงมุมแทน ยานแทบพัง เรื่องก็ไม่คืบ
  • The Heiress ในที่สุดก็มาถึงดาวน้ำ Trask คุณกบเจอสามี พระเอกเจอ Mandalore คนอื่นแล้วคือ Bo-Katan อดีตเจ้าหญิงพลัดถิ่นของ Mandalore ที่อยากกู้ชาติ (เป็นตัวละครใน Clone Wars) เลยไปช่วยกันยึดยานของฝ่ายจักรวรรดิ แลกกับการได้ข้อมูลของเจได (สักที) ว่าต้องไปที่ดาวป่า Corvus
  • The Siege หลังเรื่องคืบแล้วก็ต้องยืดเป็นปกติ ก่อนไปดาว Corvus ให้เรื่องเดินหน้า ต้องกลับมาซ่อมยานที่ดาวฐานคือ Nevarro อีกรอบ ไปแวะทำภารกิจ (อีกแล้ว) คือถล่มฐานทัพของจักรวรรดิ ได้ข้อมูลเพิ่มนิดเดียวว่าตัวร้าย Moff Gideon ยังไม่ตาย ยานซ่อมเสร็จแต่ก็โดนแอบติดตั้งตัวปล่อยสัญญาณอีกต่างหาก

หลังทำไซด์เควสต์มานาน ก็ได้เวลาเข้าเรื่องหลักใน 4 ตอนหลังคือ

  • The Jedi: เดินทางตามรอยมายังดาว Corvus เพื่อมาพบกับเจได Ahsoka Tano จากซีรีส์ Clone Wars/Rebels (ซึ่งผมไม่ได้ดู) ช่วยกันปราบวายร้ายในเมือง ได้หอกเหล็กเบสการ์มาหนึ่งเล่ม แต่ Ahsoka ไม่ยอมรับ The Child (ที่ตอนนี้รู้แล้วว่าชื่อ Grogu และอยู่มาตั้งแต่สมัยมีสภาเจได) ไปฝึกฝนต่อ โดยบอกว่าให้พาไปยังดาว Tython ที่มีวิหารเจไดแทน
    • ตอนนี้ถือเป็นการเชื่อมเส้นเรื่องของซีรีส์ The Mandalorian เข้ากับซีรีส์อื่นของ Star Wars อย่างจริงจังครั้งแรก โดยผู้กำกับของตอนนี้และโคโปรดิวเซอร์ของซีรีส์คือ Dave Filoni เป็นคนสร้างซีรีส์ Clone Wars/Rebels ด้วยโดยตรง ไม่มีใครเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว และการที่ Ahsoka โผล่มาก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการไปทำซีรีส์ Ahsoka ต่ออีกด้วย (ขายเก่งจริงๆ)
    • ถ้านับเฉพาะเนื้อเรื่องของตอนนี้ก็ถือว่าดี ชอบ กำกับศิลป์ก็สวยมาก ดาบสีขาวของ Ahsoka เด่นมากในซีนมืดๆ หมอกๆ แบบนี้
  • The Tragedy: เรื่องเดินต่อเร็วมายังดาว Tython โดยทุกคนในจักรวาลรู้ว่าพระเอกจะมาดาวนี้ (ฮา) เริ่มจากการกลับมาของ Boba Fett อย่างเป็นทางการ (เพื่อมาทวงเกราะ) และคืนชีพมือปืนสาว Fennec กลับมาในรูปแบบไซบอร์กด้วย จากนั้นฝ่ายจักรวรรดิก็ติดตามมา โดย Grogu ที่ปลุกพลังเจไดในตัวขึ้นมา ก็โดนทหารไซบอร์ก Dark Trooper ของ Gideon จับตัวไป ยาน Razor Crest ที่กรอบมานานก็ถึงเวลาไปสวรรค์
    • ถัดจาก Ahsoka ก็ตามต่อด้วย Boba Fett ทันที (แฟนๆ กรีดร้อง) ซึ่งตอนจบของซีซัน 2 ก็เป็นการประกาศทำซีรีส์ The Book of Boba Fett ต่ออีกด้วย (ขายเก่งอีกแล้ว)
  • The Believer: มีความแค้นก็ต้องทวงคืน พระเอกไปตามตัว Mayfeld อาชญากรจากซีซัน 1 กลับมาช่วยหาพิกัดของยาน Gideon โดยแท็กทีมร่วมกับ Boba Fett, Fennec, Cara Dune ไปบุกฐานในดาวป่า Morak
    • ตอนนี้เรื่องกลับมายืด เพราะเรื่องหลักแทบไม่คืบเลย แต่ก็มีประเด็นน่าสนใจในการถกเถียงกันของ Mayfeld (ที่เล่นดีมาก) ในแง่บทบาทของจักวรรดิและสาธารณรัฐใหม่ ว่าสุดท้ายแล้วอนาคตของจักรวาลคืออะไร
  • The Rescue: ตอนสุดท้ายของซีซัน เป็นการบุกยานของ Gideon โดยทีมออลสตาร์ของซีรีส์ ที่น่าสนใจคือกลุ่มที่บุกขึ้นยานไปเป็นผู้หญิง 4 + ผู้ชายคนเดียว (พระเอก) สะท้อนยุคสมัยที่เปลี่ยนไป มีการต่อสู้กับกลุ่ม Dark Trooper, Moff Gideon และการกลับมาของ Luke Skywalker
    • ถัดจาก Ahsoka และ Boba ก็มาเจอกับพระเอกของหนังภาคหลัก (กรี๊ด) ความโดดเด่นคือ Luke ในตอนนั้นอายุ 28 ปีเท่านั้น (9 ปีหลังสงครามยาวิน) ซึ่งเทคโนโลยีสมัยนี้ก็ทำให้ Mark Hamill ตัวจริงๆ กลับมาหนุ่มได้
    • ประเด็นที่ชอบคือ การปะทะกันของ Dark Saber ดาบที่ตัดได้ทุกอย่างยกเว้นโลหะเบสการ์ และพระเอกผู้ที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเบสการ์ (ฮา) เป็นการต่อสู้ของชะตากรรมที่ดีมาก น่าเสียดายว่าสู้กันจบเร็วไปหน่อย
    • ส่วนเรื่อง Dark Saber จะส่งมอบให้แก่ผู้ชนะจากการดวลกันเท่านั้น นี่แกเป็นแฮร์รีพ็อตเตอร์เหรอ (ฮา)

กล่าวโดยสรุปคือ The Mandalorian ซีซัน 2 เร่งเครื่องช่วงท้ายด้วยการโยงกับตัวละครเด่นจาก Star Wars ภาคอื่นๆ มากมาย ทั้ง Ahsoka อัศวินเจไดผู้โดดเดี่ยวจากยุค Clone Wars หรือ Boba Fett/Luke Skywalker จากหนังไตรภาคต้นฉบับ

ตรงนี้ย่อมเป็นที่โดนใจของแฟนๆ Star Wars แต่ในอีกด้านก็แสดงถึงความเก๋าของผู้สร้างในการ “ถักทอเรื่องราว” เข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น (พร้อมหาทางทำกินให้ดิสนีย์ต่อได้อีกมาก)

ในแง่นี้ต้องยอมรับว่าผู้สร้าง (ร่วม) ของซีรีส์นี้มาร่วมงานกันได้อย่างเหมาะสมลงตัว คือ Jon Favreau ที่มีผลงานจากการสร้าง Marvel Cinematic Universe (MCU) จนโด่งดัง ถนัดเรื่องการเชื่อมโยงเรื่องของตัวละครจำนวนมากในจักรวาลเดียวกัน มาจับมือกับ Dave Filoni ผู้สร้างซีรีส์แอนิเมชัน Star Wars (Clone Wars/Rebels) ที่ถือว่าใกล้ชิดกับเรื่องราวในจักรวาลมากที่สุด

ผลคือ The Mandalorian สองซีซันทำออกมาได้ดีมาก และยังต่อยอดไปเป็นซีรีส์คนแสดงอื่นๆ ได้อีกหลายอย่าง (ช่วยแก้ความผิดหวังของหนัง Sequel Trilogy ได้ไม่มากก็น้อย)

ณ เวลาที่เขียนนี้ ยังไม่มีรายละเอียดของ The Mandalorian ซีซัน 3 ออกมามากนัก แต่ในแง่คนดูก็น่าสนใจว่า

  • ปมเรื่องหลักจะเป็นอย่างไรต่อ เพราะพระเอกแยกจาก Grogu แล้ว ปมหลักของซีรีส์ที่เป็นการเดินทางร่วมกันของทั้งสองคนหายไป
  • เรื่องหลักน่าจะไปอยู่ที่การกอบกู้ดาว Mandalore ซึ่ง Bo-Katan ย่อมต้องมีบทบาทอย่างสูง รวมถึงประเด็นเรื่องการแย่งชิง Dark Saber ด้วย