in Thoughts

ฐากูร บุนปาน

มีโอกาสได้รู้จักกับพี่โต้ง ฐากูร บุนปาน อดีตกรรมการผู้จัดการของมติชน เป็นการส่วนตัวมาได้หลายปี เคยได้ร่วมทริปกันต่างประเทศหนึ่งครั้ง (ไปงานเปิดสำนักงานของ SCB ที่เซี่ยงไฮ้) และเป็น “มิตรสหายต่างวัย” ที่มีงานอดิเรกตรงกันคือ อ่านนิยายจีนของ น.นพรัตน์ ซึ่งพี่โต้งนั้นในฐานะคนในแวดวงสิ่งพิมพ์ ก็มีโอกาสได้อ่านต้นฉบับลายมือของ น.นพรัตน์ ก่อนใครเพื่อน

เหตุเพราะนิยายจีนของ น.นพรัตน์ พิมพ์โดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์ในเครือสยามสปอร์ต และเจ้าของบริษัทคือคุณระวิ โหลทอง มีสิทธิพิเศษในการได้อ่านต้นฉบับ (ที่เขียนด้วยลายมือ) ก่อนใครเพื่อน แต่คุณระวิ อายุมากแล้ว ตาไม่ค่อยดี จึงใช้วิธีให้เลขาอ่านออกเสียงให้ฟัง

ส่วนพี่โต้ง ในฐานะคนรู้จักกับคุณระวิ จึงพลอยได้อ่านต้นฉบับลายมือด้วย และอาสาช่วยตรวจต้นฉบับเพิ่มเติมให้ ก่อนเข้ากระบวนการทางบรรณาธิการและไปพิมพ์เป็นเล่มขายต่อไป

ผมทราบข่าวพี่โต้งป่วยเป็นโรคมะเร็งมาสักระยะหนึ่ง แต่ก็ยังมีโอกาสแชทคุยผ่านออนไลน์เป็นระยะๆ และได้เจอตัวจริงครั้งสุดท้ายช่วงเดือน ก.ย. 2020 ในงานเปิดตัวหนังสือของคุณสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอของ AIS แต่ไม่ได้มีโอกาสคุยกันเพราะคนเยอะ และผมต้องกลับก่อนงานเลิก หลังจากนั้นยังได้แชทคุยกันบ้างเล็กน้อย กะว่าเมื่อมีโอกาสจะเข้าไปเยี่ยมพี่โต้งสักหน่อย แต่ก็มาทราบข่าวการเสียชีวิตของพี่โต้งซะก่อน

พี่โต้งเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี มุขเยอะ มีความเป็นพหูสูต และมีความทันสมัย ทันโลกยุคออนไลน์ ผมเคยได้ยินแกเล่าว่าเป็น “บุนปานรุ่น 1.5” ที่อยู่ระหว่างรุ่นผู้ก่อตั้ง (อ.ช้าง ขรรชัย บุนปาน) และรุ่นลูก (คุณเย็น ปานบัว บุนปาน) ที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมมติชนจากรุ่นที่หนึ่งไปยังรุ่นถัดไป

ด้วยอาชีพนักข่าวที่ยาวนาน และอัธยาศัยส่วนตัว ทำงานรดน้ำศพของพี่โต้งมีคนมาร่วมงานเรียกว่ามืดฟ้ามัวดิน นักการเมืองมาแทบทุกค่าย (พูดกันเล่นๆ ได้ว่ามาทุกคนยกเว้นทักษิณกับประยุทธ์ ซึ่งก็ส่งหรีดมาทั้งคู่)

สัปดาห์นี้พบว่ามติชนสุดสัปดาห์เลือกรูปพี่โต้งมาขึ้นปก เห็นจากเพื่อนในเฟซบุ๊กแล้วออกไปซื้อทันทีเป็นที่ระลึก ส่วนบล็อกนี้อยากแปะบทสัมภาษณ์ของพี่โต้งในเรื่องวิสัยทัศน์ต่อวงการสื่อ ต่อการปรับตัวของมติชน เอาไว้อ่านย้อนหลังเมื่ออยากได้เข็มทิศนำทาง

ถือเป็นความโชคดีของชีวิตที่ได้รู้จักกับพี่โต้งเป็นการส่วนตัว และจะระลึกถึงพี่โต้งตลอดไป