in Football

Manager Shortage

สิ่งที่น่าสังเกตในวงการฟุตบอลฤดูกาล 2019-2020 (โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก) คือการเปลี่ยนโค้ชเป็นว่าเล่น

ปี 2018-2019 ถือเป็น “ยุคทอง” ของฟุตบอลอังกฤษ เพราะคู่ชิงถ้วยยุโรปทั้ง 2 ถ้วยเป็นทีมจากอังกฤษล้วน (Liverpool vs Tottenham และ Chelsea vs Arsenal)

แต่เวลาผ่านมาไม่ถึงครึ่งปีดี โค้ช 3 คนที่พาทีมเข้าชิง มีอันต้องออกจากทีมกันไปหมด (ไล่มาจาก Sarri, Pochettino, Emery) มีเพียง Klopp ที่ยังอยู่ เพราะผลงานดีทั้งชนะ UCL และยังเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกแบบทิ้งห่าง

หรือถ้าเป็นเคสนอกอังกฤษ ก็มี Bayern ที่ปลด Niko Kovač ออกทั้งที่ทำผลงานในฤดูกาลก่อนได้ดี (ได้แชมป์) และอันดับในฤดูกาลนี้ก็ถือว่าไม่ได้แย่มากนัก (แม้ฟอร์มไม่ดีมากก็ตาม)

ทำไมเวลาผ่านไปไม่นาน สถานการณ์ถึงเปลี่ยนพลิกถึงปานนี้ คำตอบน่าจะเป็นว่า ฟุตบอลกลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาลขึ้นทุกวัน นายทุนเจ้าของสโมสรจึงไม่ใคร่มีความอดทนมากนัก ถ้าทีมฟอร์มแย่ต่อเนื่อง แม้ไม่นานนัก ก็พร้อมจะเปลี่ยนผู้จัดการทีมเพื่อหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

แต่สภาพการณ์แบบนี้ก็ทำให้ผู้จัดการทีมใหญ่ๆ โดนปลดกันเป็นว่าเล่น และเกิดสภาวะ “ผู้จัดการขาดแคลน” เพราะทีมใหญ่ ความคาดหวังสูง ความกดดันสูง การเฟ้นหาผู้จัดการที่ “มือถึง” ชื่อชั้นสมฐานะกัน แถมยังว่างงานอยู่ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

เจ้าของสโมสรทุกราย (โดยเฉพาะยุคทุนใหญ่ต่างชาติ) ย่อมอยากได้ผู้จัดการทีมแบบ Klopp หรือ Pep ที่เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ และพิสูจน์ฝีมือตัวเองมาได้เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อในตลาดไม่มีตัวเลือกมากนัก ก็ถูกบีบให้ต้องเลือกเฉพาะผู้จัดการที่ว่างอยู่ (เช่น กรณี Tottenham กับ Mourinho) หรือไม่อย่างนั้นต้องใช้วิธีสร้าง “ผู้จัดการรุ่นใหม่” ขึ้นมาแทน ซึ่งกรณีของ Solskjær หรือ Frank Lampard ก็ถือว่าน่าสนใจ

ทั้ง ManU และ Chelsea ถือเป็นทีมใหญ่ที่มีความคาดหวังสูง แต่เมื่อการใช้ผู้จัดการทีมรุ่นใหญ่ไม่ประสบผลสำเร็จ (Chelsea น่าจะใช้โค้ชไปเกือบหมดอิตาลีแล้ว อิอิ) การนำอดีตนักเตะ (ที่แฟนๆ ยอมรับ) กลับมาเป็นผู้จัดการทีม อาจเป็นตัวเลือกเดียวที่มีอยู่ ถ้าผลงานไม่ดีก็เสมอตัว (ประสบการณ์น้อย พอยอมรับได้)

แต่ถ้าผลงานดีเยี่ยม ก็จะกลายเป็น Pep Guardiola คนใหม่ของวงการ แถมในระยะยาวก็ยังเป็นการช่วยสร้างคนให้กับวงการฟุตบอลด้วยเช่นกัน

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือเราเริ่มเห็น second coming ของผู้จัดการทีมบางคนที่เคยคุมทีมใหญ่ๆ มาก่อน แต่อาจไม่ประสบความสำเร็จมากนัก กลับเข้ามาคุมทีมระดับกลางๆ และไปได้ดี ตัวอย่างเช่น Pellegrini (Man City -> Westham) หรือ Brendan Rodgers (Liverpool -> Leicester) ด้วย