เคยเขียนเรื่อง Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan ไปแล้วครั้งหนึ่ง ในฐานะซีอีโอของแบงค์ (ฝรั่ง) ที่ใหญ่ที่สุดในแง่สินทรัพย์
วันนี้ไปเจอบทความเก่าใน CNBC เขียนถึงเคล็ดลับของ Dimon ในการจัดการคน ในมุมมองของเขาที่เป็นผู้บริหารองค์กรใหญ่ มีพนักงานทั่วโลก 2.5 แสนคน เขาคิดว่าคนแบบไหนจะประสบความสำเร็จ (บทความฉบับแปลใน Brand Inside)
Humility vs Smart
คำตอบของ Dimon คือคนที่มีความถ่อมตน เปิดกว้าง มีความแฟร์ เป็นสิ่งสำคัญกว่าคนฉลาดหรือคนทำงานหนัก
″[H]umility, openness, fairness [and] being authentic” are most important – “not [being] the smartest person in the room or the hardest working person in the room,”
Dimon ขยายความว่า โดยพื้นฐานแล้ว “การบริหาร” (management) คือการทำงานให้เสร็จ (get it done) ต้องใช้เรื่องการตามงาน การวางแผน การวิเคราะห์ หาคนที่เหมาะสมมาทำงาน ฯลฯ
แต่ถ้าเราพูดถึง “ความเป็นผู้นำ” (leadership) แก่นของมันคือการ “เคารพคนอื่น” (respect for people)
“Management is: Get it done, follow-up, discipline, planning, analysis, facts, facts, facts. It’s [getting] the right people in the room, kill the bureaucracy, all of these various things,” Dimon told Roth. “But the real keys to leadership aren’t just doing that.”
It’s about having “respect for people,” not about having “charisma” or “brain power,” he said.
Dimon ยังบอกว่า ถ้าเราเคารพผู้อื่น จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการงาน เพราะเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ จะมาช่วยให้งานของเราสำเร็จด้วย (ผลงานออกมาดีขึ้น = increase productivity) แต่ถ้าเราเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ คนอื่นก็จะไม่อยากช่วยเราทำงาน ผลงานจะน้อยลงเอง
Having these traits also increases your productivity, along with your success, Dimon said. If you’re “selfish” or “take the credit” when it isn’t warranted, others are “not going to want to work,” which will impact efficiency on the job.
Humility vs Humble
ในบทความอีกชิ้น ถาม Dimon ว่าการสัมภาษณ์คนนั้นเขาดูจากคุณสมบัติใดบ้าง เขาจะมีคำถามกับตัวเองไว้คัดกรองคนว่า “ถ้าเขาเป็นลูกน้อง เขาจะอยากทำงานกับผู้สมัครคนนี้หรือไม่ และถ้าเขามีลูก เขาอยากให้ลูกไปทำงานกับผู้สมัครคนนี้หรือไม่”
So when interviewing or assessing a promotion, Dimon asks himself a few questions about the candidate, including “Would you work for that person? Would you want your kid to work for that person?”
Dimon ขยายความว่า เขาจะดูว่าบุคคลนั้นมีความแฟร์กับคนอื่นหรือไม่ (people who treat others fairly) โดยคำว่า humility (ความอ่อนน้อม — อาจไม่ใช่คำแปลที่ดีนักในภาษาไทย) แตกต่างจาก humble (ถ่อมตัว)
เขาบอกว่าไม่มีใครในโลกที่บอกว่า Jamie Dimon เป็นคนถ่อมตัว แต่เขาปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และเขาคาดหวังว่าคนที่มาทำงานกับเขาจะทำแบบเดียวกัน
“Leadership is more about humility. I don’t mean humble. No one would say Jamie Dimon is humble, but I treat everyone the same, and I expect the same thing,”
Dimon บอกว่าการมีความอ่อนน้อม จะได้รับการยอมรับ (earning respect) จากพนักงาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนที่เป็นผู้นำ
Responsibility for Mistakes
ปัจจัยอีกข้อที่ Dimon มองหาจากตัวผู้นำคือ การยอมรับความผิดพลาดของตน (the ability to take responsibility for mistakes)
“Do you take the blame? Because very often, it is your fault,” he said, “and you’re not trying to shoot people anytime something goes wrong. That destroys a company.”
ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ แต่ผู้นำจะจัดการความผิดพลาดของลูกน้องอย่างไร ถ้าด่าหรือทำให้ลูกน้องอับอาย ใครจะอยากมาทำงานให้เรา
And when a leader has to address mistakes made by others, “Do you embarrass the person?” If so, “who would want to work for you?” he said.