in Books

หวงอี้รำลึก

ภาพหวงอี้ตอนมาไทย จาก Siam Inter Multimedia

สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจไว้นาน แต่เพิ่งทำสำเร็จก็คือ อ่านผลงานชิ้นสุดท้ายของ ‘หวงอี้’ อย่าง ‘เหยี่ยวมารสยบสิบทิศ’ (ภาค 3 ในซาก้าไตรภาค) ให้ครบ

เรื่องนี้หวงอี้เขียนไม่จบ เพราะเสียชีวิตลงไปก่อน เขาเขียนถึงเล่ม 23 บทที่ 1 (ซึ่งถูกนำมารวมในเล่ม 22) และทิ้งค้างไว้แค่นั้น

สำหรับแฟนๆ นิยายของหวงอี้ คงรู้จักคำว่า ‘ทลายนภา’ กันเป็นอย่างดี ตรงนี้ต้องขอบคุณผู้แปลอย่าง น.นพรัตน์ ที่แปลคำนี้ไว้อย่างสละสลวยและเห็นภาพ

‘ทลายนภา’ เปรียบได้กับคำว่าหลุดพ้น หรือ นิพพาน เพียงแต่มีความหมายในเชิงกายภาพด้วย เพราะตัวละครที่ได้ ‘ทลายนภา’ ในจักรวาลของหวงอี้ล้วนแต่หายไปจากมิติปัจจุบัน

แต่ครั้นจะถามว่าทลายนภาแล้วไปไหน ก็สุดที่จะทราบได้ คงขึ้นกับจินตนาการของผู้อ่านแต่ละท้าน

การเสียชีวิตของหวงอี้ คำที่เหมาะสมที่สุดจึงหนีไม่พ้นคำว่า ‘ทลายนภา’ จากไปนั่นเอง

แต่ความเคารพชื่นชมในแง่ตัวบุคคลก็เป็นเรื่องหนึ่ง การวิจารณ์ผลงานอย่างตรงไปตรงมาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ในฐานะแฟนที่อ่านงานของหวงอี้มาแทบทุกเรื่องที่ตีพิมพ์ในไทย (ผมน่าจะไม่ได้อ่านแค่ซีรีส์ไซไฟที่เป็นงานสมัยแรกๆ เท่านั้น แต่ผู้พิชิตดาราจักรนี่ได้อ่านนะครับ) ต้องบอกว่าซีรีส์ ‘เหยี่ยวมาร’ ถือความน่าผิดหวังอย่างสมบูรณ์

ถ้าเปรียบงานยุครุ่งเรื่องของเขาอย่าง ‘เจาะเวลาหาจิ๋นซี’ หรือ ‘มังกรคู่สู้สิบทิศ’ ได้คะแนนสัก 8-9 คะแนนเต็ม 10 ก็ต้องบอกว่า ‘เหยี่ยวมาร’ ได้สัก 3-4 คะแนนเท่านั้น

โครงเรื่องของ ‘เหยี่ยวมาร’ ถือว่ายิ่งใหญ่และทะเยอทะยานมาก เพราะจับเอาประวัติศาสตร์ช่วงสำคัญช่วงหนึ่งของจีน นั่นคือการเปลี่ยนผ่านรัชสมัยของจักรพรรดินีเพียงหนึ่งเดียว พระนางบูเช็กเทียน ที่มีความซับซ้อนทางการเมืองสูงมาก และมีการรัฐประหารระหว่างขั้วอำนาจต่างๆ กันหลายครั้งกว่าจะสงบ

บูเช็กเทียน เป็นสนมของฮ่องเต้ ‘ถังเกาจง’ บุตรชายของหลี่ซื่อหมิน (คนที่อ่านมังกรคู่คงรู้จักกันดี) แต่เมื่อถังเกาจงสวรรคต พระนางกลับถอดบุตรชายของตัวเอง 2 คนคือ หลี่เสียน และหลี่ต้าน ออกจากตำแหน่ง และขึ้นเป็นจักรพรรดินีที่มีอำนาจเต็มรูปแบบ สถาปนาเป็นราชวงศ์โจว ขึ้นมาแทนที่ราชวงศ์ถัง

‘เหยี่ยวมาร’ จับความช่วงปลายรัชสมัยของบูเช็กเทียน ที่ในประวัติศาสตร์ถูกบุตรชายและกลุ่มขุนนางรัฐประหารตอนใกล้สิ้นอายุขัย หลี่เสียนกลับขึ้นเป็นจักรพรรดิเหมือนเดิม ฟื้นฟูราชวงศ์โจวขึ้นมาใหม่

แต่วิกฤตของราชวงศ์ยังไม่จบ เพราะมเหสีของหลี่เสียนก็มีความทะเยอทะยานอยากขึ้นเป็นจักรพรรดินีเช่นกัน จึงปลงพระชนม์จักรพรรดิเพื่อเตรียมขึ้นครองอำนาจเอง ทำให้กลุ่มเชื้อพระวงศ์ตระกูลหลี่ที่เหลือร่วมกันรัฐประหารวังหลวง ดันหลี่ต้านขึ้นเป็นจักรพรรดิ

แต่องค์หญิงไท่ผิง น้องสาวของหลี่เสียนและหลี่ต้านก็มีความทะเยอทะยานเช่นกัน หลังจากช่วยหลี่ต้านขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้วก็เตรียมยึดอำนาจอีกต่อหนึ่ง หลี่หรงจี บุตรชายของหลี่ต้านจึงต้องกำจัดอาของตัวเองไป และสุดท้ายก็ได้บัลลังก์มาครอง

หรี่หรงจีจึงกลายเป็นผู้มีชัยคนสุดท้ายในศึกนี้ ขึ้นเป็นฮ่องเต้ถังเสวียนจง ที่ครองบัลลังก์นานเกือบ 50 ปี และถือเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งของจีน (ช่วงปลายสมัยของหลี่หรงจี เกิดเหตุการณ์กบฎอันลู่ซานที่เกือบทำให้ราชวงศ์ถังล่มสลาย เนื้อหาอ่านได้จากเรื่อง เทพบุตรกู้บัลลังก์)

ช่วงเวลานับจากบูเช็กเทียนสวรรคต ไปจนถึงหลี่หรงจีขึ้นครองราชย์ กินเวลาถึง 7 ปี และมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เกิดการพลิกผันตลอดเวลา

หวงอี้ จับเอาเหตุการณ์ช่วงนี้มาแต่งเป็นนิยาย โดยผูกเรื่องว่า บูเช็กเทียนคือศิษย์ของนิกายฝ่ายอธรรม (จากตอนจบของมังกรคู่) และเมื่อครองอำนาจได้เบ็ดเสร็จตามภารกิจที่อาจารย์มอบให้แล้ว ก็มองถึงเป้าหมายขั้นต่อไปคือ ‘ทลายนภา’

หวงอี้เพิ่มตัวละคร ‘หลงอิง’ เข้ามาเป็นตัวแทนของฝ่ายอธรรมอีกสาขาหนึ่ง มีศักดิ์เป็นศิษย์น้องของบูเช็กเทียน และมีหน้าที่ช่วยเหลือบูเช็กเทียนบรรลุความฝันทลายนภา กับประคองการเปลี่ยนผ่านจากราชวงศ์โจวกลับมาเป็นราชวงศ์ถังให้สำเร็จ

โครงเรื่องนี้ยิ่งใหญ่มาก และต้องยอมรับว่าเป็นอัจฉริยภาพของหวงอี้ที่คิดพล็อตเรื่องแบบนี้ได้ สิ่งที่เป็นปัญหาคือ execution ที่ทำได้ไม่ดี จนน่าเสียดายพล็อตเรื่องที่บรรเจิดขนาดนี้

สิ่งที่หวงอี้เขียนได้ไม่ดีเอามากๆ (ทั้งที่มีวัตถุดิบชั้นดีให้ปรุงแต่ง ทั้งพล็อตเรื่อง และจักรวาลที่สืบต่อจากมังกรคู่) คือคาแรกเตอร์ของหลงอิง ที่แบนราบไร้มิติ โผล่มาก็เก่งเลยทุกอย่างไม่มีอะไรให้ต้องลุ้น สู้ชนะทุกคน สาวติดกันตรึมโดยไม่ต้องจีบ ฯลฯ ไม่มีเส้นทางของการเติบโต พัฒนาการของตัวละครแบบที่เคยทำมาได้อย่างยอดเยี่ยมในมังกรคู่ (โค่วจง-ฉีจื่อหลิง น่าจะเป็นคู่ดูโอที่ดีที่สุดในโลกของนิยายกำลังภายใน)

พอเขียนให้หลงอิงเก่งเกินไป ก็ต้องพยายามฉุดรั้งความเก่งของหลงอิงด้วยวิธีการที่หวงอี้คุ้นเคย นั่นคือการปลอมตัว แต่พอหลงอิงเก่งเกินไป แทนที่ผู้อ่านจะได้เห็นการปลอมตัวเพื่อทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ กลับต้องมาเจอความคิดใคร่ครวญซ้ำไปซ้ำมาของตัวหลงอิงเอง ที่ไม่ต้องการแสดงความเก่งเกินไปเนื่องจากกลัวคนอื่นจับได้ว่าเป็นหลงอิง

พอตัวละครตั้งหลักมาไม่ดี วิธีการดำเนินเรื่องที่เหลือมันก็เลยพังตามๆ กันไปทั้งหมด นี่ยังไม่รวมประเด็นเรื่องความยืดของเรื่องที่กินไปเกิน 40 เล่มและยังไม่ไปถึงไหน และถ้ามองย้อนกลับไปดูเรื่องทั้งหมด เราก็จะเห็นการเดินทางไปที่โน่นที่นี่ของหลงอิง ทำภารกิจช่วยคนนู้นคนนี้ โดยที่ไม่มีผลกับเส้นเรื่องหลักมากนัก

ผมก็ได้แต่ตั้งคำถามว่าทำไมนักเขียนระดับปรมาจารย์อย่างหวงอี้ ถึงได้มาหลุดเอาตอนแก่เช่นนี้ให้เสียชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน

คำเฉลยอยู่ในบทส่งท้ายของ ‘เหยี่ยวมารสยบสิบทิศ’ ในคำรำลึกของ บ.ก.ต้นฉบับชาวไต้หวัน ที่ไปเยี่ยมหวงอี้ที่บ้านในฮ่องกง และบรรยายกระบวนการเขียนของหวงอี้ที่ไม่มีการวางพล็อตเรื่องล่วงหน้า ได้แต่เขียนไปเรื่อยๆ ใช้พลังจากจินตนาการของตัวเอง ปล่อยให้ตัวละครเป็นฝ่ายดำเนินเรื่องไป

พอรู้ข้อมูลนี้แล้วก็ถึงบางอ้อ ว่าทำไมนิยายของหวงอี้หลายๆ เรื่องๆ มักจะยาวและยืดและมีจังหวะหลุด คำตอบคือสไตล์การเขียนแบบนี้นี่เอง (จริงๆ มันก็ไม่มีถูกผิด แต่ถ้าหวงอี้เขียนแล้ว edit ต้นฉบับใหม่ให้กระชับขึ้นในภายหลังก็น่าจะดีกว่านี้ เผอิญว่าเรื่องนี้เป็นการลงพิมพ์แบบตอนต่อตอน)

สไตล์การเขียนแบบเน้นความสามารถเฉพาะตัวของหวงอี้ อาจเคยเวิร์คในยุคที่นิยายกำลังภายในซบเซา และส่งผลให้หวงอี้เป็นคนปลุกกระแสนิยายจีนย้อนยุคกลับมาได้ในยุค 90s แต่พอมาถึงยุคนี้ที่มีนิยายกำลังภายใน-อิงประวัติศาสตร์จากนักเขียนหน้าใหม่มากมาย แต่ละคนใช้เทคนิคการเขียนสมัยใหม่ที่มีพล็อตเรื่องซับซ้อน มีการอ้างอิงอย่างแม่นยำ ก็ต้องบอกว่า หวงอี้เริ่มล้าสมัย ตกยุคไปเรียบร้อยแล้ว

มาถึงตรงนี้ก็คงได้แต่รำลึกถึงผลงานที่ชื่นชอบ และแสดงความผิดหวังในงานชิ้นสุดท้ายที่ควรจะกลายเป็นผลงานอมตะ แต่เป็นจริงๆ ได้แค่งานแย่ๆ เพียงชิ้นหนึ่งเท่านั้น

ผลงานของหวงอี้ เรียงตามลำดับความชอบ

  1. เจาะเวลาหาจิ๋นซี ต้นแบบนิยายย้อนเวลา กระชับลงตัว พล็อตจบดี 9/10
  2. มังกรคู่สู้สิบทิศ ผลงานเรื่องยาวที่ยิ่งใหญ่ สนุกน่าติดตาม ตัดคะแนนตรงพล็อตตอนจบ หักมุมไม่เนียน 8/10
  3. เทพทลายนภา ปฐมบทของจักรวาลหวงอี้ เล่มเดียวจบ สั้นกระชับลงตัว มีฉากต่อสู้เจ๋งๆ เยอะมากชนิดว่าเอาไปทำเป็นเกมได้เลย 8/10
  4. จอมคนแผ่นดินเดือด ผลงานเรื่องยาวที่แกรนด์ขึ้นกว่ามังกรคู่ แต่พล็อตงงๆ หลายจุด ยืดหลายจุดเช่นกัน 7/10
  5. เทพมารสะท้านภพ ต้นแบบของเหยี่ยวมาร เรื่องออกทะเลไปหลายจุด ลอจิกเพี้ยน แต่ให้คะแนนในแง่ความบรรเจิดของจินตนาการ 6/10
  6. ขุนศึกสะท้านปฐพี ผลงานช่วงแรกๆ เล่มเดียวจบ พล็อตเป็นการสวมรอยแทนซุนหวู่ตัวจริง เรื่องนี้สนุกดี แต่รวบรัดเกินไป ทิ้งพล็อตหลายอันที่ควรจะทำเป็นเรื่องยาวกว่านี้ 6/10
  7. ศึกรักแดนสนธยา ผลงานเรื่องสั้น 4 เล่มจบไม่อิงประวัติศาสตร์ด้วย เป็นงานที่ดูไม่เป็นหวงอี้ที่สุด อ่านแล้วก็แปลกดีแต่ไม่น่าจดจำ จำอะไรไม่ได้เลย 6/10
  8. ผู้พิชิตดาราจักร นิยายไซไฟเป็นผลงานช่วงแรกๆ ตัวเอกเป็นต้นแบบคาแรกเตอร์ของหลงอิง แต่เนื้อเรื่องอ่านแล้วงงมาก เหมือนย้ายกำลังภายในไปอยู่บนอวกาศมากกว่าไซไฟ 5/10
  9. เหยี่ยวมารสะท้านสิบทิศ/สัประยุทธ์สิบทิศ/สยบสิบทิศ ยาวและยืดยาด ไม่มีความสมเหตุสมผล คุณภาพพอๆ กับผู้พิชิตดาราจักร แต่ยืดกว่ามากๆๆ 4/10