สัปดาห์นี้นั่งตามการเลือกตั้งเยอรมัน 2025 มีประเด็นน่าสนใจหลายอย่างที่อยากเขียนสรุปไว้ (โพสต์ครั้งแรกใน Facebook)
เหตุผลที่ผมสนใจเยอรมนีมาจากเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก เนื่องจากเศรษฐกิจเยอรมนีมีภาคการส่งออกเป็นตัวแบกอยู่ประมาณ 50% ของ GDP แต่ช่วงหลังก็ประสบปัญหาว่าภาคการผลิตเพื่อส่งออกเริ่มไปต่อไม่ได้แล้ว (หากใครตามข่าวปัญหาของเครือ Volkswagen ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา น่าจะเป็นตัวสะท้อนปัญหาภาคการผลิตของเยอรมนีได้เป็นอย่างดี) บวกกับปัญหาอื่นๆ อย่างเรื่องการขาดแคลนแรงงานและพลังงาน ทำให้เยอรมนีถูกเรียกว่าเป็น “คนป่วยแห่งยุโรป” (ฉายาคุ้นๆ ไหม)
German economic model has been based on steadily growing exports to China produced with cheap Russian energy. China growth rate is expected to be lower as we go forward and cheap energy is also history. Sick man of Europe again. (Berenberg) pic.twitter.com/AAdeVpS3x6
— Michael A. Arouet (@MichaelAArouet) February 7, 2023
ด้วยเหตุนี้ผมจึงติดตามเศรษฐกิจเยอรมนีมาสักระยะหนึ่งแล้ว (ด้วยความหวังว่าจะพบทางสว่างไปเผื่อจะเลียนแบบได้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มี ) และการเลือกตั้งเยอรมันปี 2025 รอบนี้ชัดเจนว่าประเด็นหลักคือเรื่องเศรษฐกิจเลย
ออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเยอรมนีแต่อย่างใด อ่านภาษาเยอรมันก็ไม่ออก ตามเพราะอยากรู้เองล้วนๆ และอาศัยว่าสมัยก่อนเคยทำงานกับมูลนิธิของพรรคการเมืองเยอรมันมาหลายแห่ง พอมีความเข้าใจระบบการเมืองเยอรมันอยู่บ้าง และแหล่งข้อมูลทั้งหมดอ่านมาจาก source ภาษาอังกฤษ (เช่น DW, Politico.EU) อาจไม่ได้ลึกมากเหมือนกับสื่อภาษาเยอรมันโดยตรง
บริบทการเมืองเยอรมนี
ถ้าเราเอาเยอรมนียุค Angela Merkel เป็นที่ตั้ง ต้องบอกว่าเยอรมนียุค post-Merkel ยังขาดเสถียรภาพทางการเมือง ไม่มีใครเป็นผู้นำที่ชัดเจน โดยรัฐบาลก่อนหน้านี้จากการเลือกตั้งปี 2021 เป็นรัฐบาลผสมของกลุ่มพรรคซ้าย-กลาง ที่เรียกว่า “พันธมิตรไฟจราจร” ตามสีพรรค นั่นคือแดง SDP (ซ้าย-กลาง), เหลือง FDP (เสรีนิยม ถือว่ากลาง) และเขียว Greens (ซ้ายรักษ์โลก) ภายใต้การนำของนายก Olaf Scholz จาก SDP
รัฐบาลของ Scholz ถือว่าซวยพอสมควร เพราะเลือกตั้งปี 2021 ผ่าน COVID มาได้ไม่ทันไร ก็เจอปัญหารัสเซียบุกยูเครนช่วงต้นปี 2022 ทำให้เกิดปัญหาเรื่องพลังงานจากก๊าซรัสเซียมากมาย เมื่อบวกกับเศรษฐกิจตกต่ำ โรงงานจีนบุกถล่มสินค้าเยอรมัน ฯลฯ ทำให้รัฐบาลของ Scholz เจอปัญหาหนักในปี 2024 (ทะเลาะกับ FDP จนต้องขับออกจากรัฐบาล) แถมแพ้โหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนต้องเลือกตั้งใหม่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ผลการเลือกตั้งปี 2025
พรรครัฐบาลไฟจราจรเดิม พ่ายแพ้กันถ้วนหน้าตามคาด โดย SDP ที่นั่งลดลงจาก 206 เหลือ 120, พรรค Greens ลดลงจาก 118 เหลือ 85 และที่แย่สุดคือ FDP ที่นั่งลดจาก 91 เหลือ 0 เลย เพราะคะแนนเสียงไม่ถึง 5% (ได้ 4.3%) ตามรัฐธรรมนูญเยอรมัน (ที่ไทยไปลอกมา) ปัดตกหมด เหตุการณ์ซ้ำรอย เลือกตั้ง 2013 ที่ FDP ได้ 0 ที่นั่งเหมือนกัน (แล้วคัมแบ็คมาได้ในการเลือกตั้งรอบถัดมา)
ส่วนพรรคอนุรักษ์นิยม CDU ที่เป็นขวา-กลาง พรรคของ Merkel เดิม (แต่ภายใต้หัวหน้าคนใหม่คือ Friedrich Merz ที่เป็นคู่กัดกับ Merkel มายาวนาน) ได้ที่นั่งเพิ่มแต่เพิ่มไม่เยอะนัก รวมเป็น 208 เสียง, พรรคขวาจัด AfD ที่ Elon Musk ไปตามเชียร์ ได้ที่นั่งเพิ่มเยอะที่สุดคือ 152 เสียง เพิ่มมา 69 เสียง ทะยานขึ้นมาเป็นพรรคอันดับสองแล้ว, พรรคซ้ายจัด The Left หรือภาษาเยอรมันเรียก Die Linke ได้เพิ่มเป็น 64 เสียง
หมายเหตุ: การเลือกตั้งเยอรมนีรอบนี้มีจำนวน ส.ส. รวม ลดลงจาก 735 เหลือ 630 ที่นั่งด้วย ตัวเลขอาจเทียบตรงๆ ไม่ได้ แต่เราคงไม่ลงรายละเอียดในที่นี้ เอาเป็นดูว่าพรรคไหนเพิ่ม-ลดก็พอ

Source: Politico
ความน่าสนใจในการเลือกตั้งปี 2025
ความน่าสนใจของผลการเลือกตั้งมี 2 ประการ อย่างแรกถ้าดูแผนที่ผลการลงคะแนน จะเห็นว่าพรรค AfD กวาดที่นั่งในพื้นที่เยอรมนีตะวันออกเดิมเกือบทั้งหมด (ยกเว้นเบอร์ลิน) ในขณะที่ CDU ไปกินแดนของ SPD ในเยอรมนีตะวันตกไปได้เกือบหมดเช่นกัน แผนที่การเมืองเยอรมันปี 2025 ย้อนกลับไปเหมือนยุคสงครามเย็นที่เยอรมนีแบ่งเป็นตะวันตก-ตะวันออกอีกครั้ง
มีคำอธิบายหลายอย่างว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ คำอธิบายหนึ่งคือเศรษฐกิจเยอรมนีตะวันออกนั้นแย่กว่าฝั่งตะวันตกมาตั้งแต่ตอนรวมชาติแล้ว เมื่อเศรษฐกิจของประเทศมีปัญหาในภาพรวม ความไม่พอใจของคนฝั่งตะวันออกจึงเยอะกว่า และแสดงออกมาผ่านพรรคขวาจัดอย่าง AfD ที่มีนโยบายเรื่องผู้อพยพและยูเครนต่างไปจากพรรคกระแสหลักด้วย (บางคนบอกว่าคนฝั่งตะวันออกยัง “นิยมรัสเซีย” อยู่มาก แต่ผมไม่แน่ใจนักในข้อนี้)

Source: Politico
ความน่าสนใจประการที่ 2 คือ ถ้าแยกดูตามโครงสร้างประชากร (demographic) ทั้งเพศและวัยของโหวตเตอร์ จะเห็นปรากฎการณ์ “ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย (The Left) ผู้ชายเลี้ยวขวา (AfD)” อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุน้อยๆ ในขณะที่คนมีอายุหน่อยจะยังเลือกพรรคกระแสหลักอย่าง CDU/SDP
ปรากฎการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลก (ในอเมริกาก็แบบเดียวกัน สาว Woke หนุ่ม Trump) เป็นภาพสะท้อนของคนรุ่นใหม่ที่ไม่พอใจประชาธิปไตย (Democracy’s Discontent) และแสดงออกผ่านการลงคะแนนให้พรรคที่สุดโต่งมากขึ้น ทั้งฝ่ายซ้ายและขวา

Source: BBC
โฉมหน้ารัฐบาลเยอรมัน 2025
ชัยชนะของ CDU ทำให้ Friedrich Merz จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เขาพูดชัดเจนว่าจะไม่ตั้งรัฐบาลร่วมกับ AfD แน่นอน (มันมี taboo ของการเมืองเยอรมันที่ไม่ยอมให้พรรคขวาจัดร่วมรัฐบาล ซึ่งยังเป็นจริงอยู่ในตอนนี้)
คาดว่าเขาจะตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับ SPD ซึ่งเคยเกิดขึ้นหลายครั้งแล้วในประวัติศาสตร์การเมืองเยอรมันยุคหลัง (มีชื่อเรียกว่า Grand Coalition คือรัฐบาลผสมจาก 2 พรรคใหญ่ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังเรียก Grand ได้ไหม เพราะ SPD ร่วงไปอันดับสามแล้ว)
ถ้าเอาเสียงของ CUS+SPD ตอนนี้คือ 328 เสียง เกินครึ่งสภา 630 ที่นั่งมาเล็กน้อย เลยคาดกันอีกว่า CDU อาจต้องดึงพรรค Greens (หรือ The Left ซึ่งมีโอกาสน้อยกว่า) เข้ามาเพิ่มอีกพรรคให้เสียงมีความมั่นคงมากขึ้น
Merz พูดเองว่ากระบวนการเจรจาต่อรองเพื่อตั้งรัฐบาลจะต้องเกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะประเทศรอไม่ได้ ยุโรปก็รอไม่ได้
ปัญหาเศรษฐกิจเยอรมนี
ผมเคยอ่านในโซเชียล (หา source ไม่เจอแล้ว) เขียนสรุปสภาพเศรษฐกิจเยอรมนียุค Merkel เอาไว้อย่างเห็นภาพว่า เศรษฐกิจเยอรมนี มีฐานอยู่บน
“พลังงานราคาถูกจากรัสเซีย แรงงานราคาถูกจากโปแลนด์ ตลาดส่งออกไปสินค้าไปจีน”
น่าเสียดายว่าเสาหลักทั้ง 3 เหล่านี้ล่มสลายไปหมดแล้ว
แรงงานโปแลนด์กลับประเทศไปนานแล้ว ตอนนี้โปแลนด์กลายเป็นประเทศดาวรุ่ง (emerging country) ที่ใครๆ ก็ต้องจับตา แบบเดียวกับเวียดนามในเอเชีย
Between large EU countries Poland remains the growth champion and Germany the sick man of Europe. Poles are motivated to work hard after socialist misery and Germans got complacent and believe in socialist redistribution nonsense instead. One cannot multiple wealth by dividing it… pic.twitter.com/CG2E1HA3Vl
— Michael A. Arouet (@MichaelAArouet) September 10, 2024
จีนที่เคยซื้อสินค้าอุตสาหกรรมจำนวนมากจากเยอรมัน เปลี่ยนจากลูกค้ามาเป็นคู่แข่ง แถมทำได้ดีกว่า ถูกกว่า เยอะกว่า
ส่วนก๊าซของรัสเซีย เรารู้กันดีว่ามีปัญหามากมายหลังรัสเซียบุกยูเครน แถมนโยบาย “ไม่เอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์” ของเยอรมันก็ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนพลังงานต่อเนื่องเรื้อรัง ต่างจากเพื่อนบ้านฝรั่งเศสที่เอาตัวรอดมาได้
เศรษฐกิจเยอรมนียุคหลัง COVID จึงคล้ายกับไทยมาก นั่นคือฟุบหนักไปช่วง COVID พอฟื้นกลับมามันกลับไม่โตต่อ ถ้าไปดูในรายละเอียดรายไตรมาส หลายไตรมาสนั้น GDP เยอรมนีติดลบด้วยซ้ำในรอบ 2 ปีล่าสุด
Germany is not anymore what it used to be The economy has been doing ok, stagnating last five years not contracting, because of goods demand from China produced with cheap Russian energy. Both gone now. Chart @RadicalAdem pic.twitter.com/enPxgoWVHJ
— Michael A. Arouet (@MichaelAArouet) May 29, 2023
ปัญหาเศรษฐกิจเยอรมันตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องวัฏจักรเศรษฐกิจที่มีขาขึ้นขาลง เอาตัวรอดจากขาลงเพื่อรอขาขึ้นได้ก็จบ แต่เป็นเรื่องโครงสร้างที่เริ่มแข่งขันไม่ได้แล้ว (คุ้นๆ ไหม) แก้ยากกว่ากันมาก เกิดเป็นภาวะ stagnation ติดหล่มไม่รู้จะไปทางไหน

Source: FRED
เท่าที่ตามอ่านสื่อเยอรมันและสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจพูดตรงกันว่า เยอรมนีมีปัญหาเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอ่านแล้วก็ไม่ค่อยน่าเชื่อ เพราะภาพจำของเยอรมนีของพวกเราๆ คือมีทางด่วน Autobahn สุดแกรนด์ และเครือข่ายรางรถไฟทั่วประเทศ
แต่ปัญหาโครงสร้างของเยอรมนีจริงๆ นั้นก็เป็นเรื่องพลังงานอีกนั่นแหละ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล และปัญหาทั่วๆ ไปอย่างความสามารถในการแข่งขันลดลง การศึกษาถดถอย คะแนนสอบ PISA ลดด้วย
สื่อ DW บอกว่าเศรษฐกิจเยอรมันเมื่อ 10 ปีก่อนถือว่ารุ่งเรือง จนคนไม่สนใจการปฏิรูปหรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมากนัก (ทั้งภาครัฐและเอกชน) ฟีลประมาณว่า “เศรษฐกิจดีอยู่แล้ว จะลงทุนเพิ่มไปทำไม” พอบทจะถึงจุดเปลี่ยน มันหักหัวลงเลยทันที น่ากลัวมาก
แก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไรดี
อันนี้เป็นงานยากแสนสาหัสของนายกคนใหม่ Friedrich Merz เพราะปัญหาอุตสาหกรรมถดถอย แข่งขันไม่ได้ มันแก้ยากมาก ไม่รู้จะแก้ยังไง รถเยอรมันกำลังพ่ายแพ้ให้กับรถจีน มันแพ้ที่ระดับเทคโนโลยี ไม่ได้แพ้ที่แบรนด์หรือการออกแบบ มันไม่สามารถพลิกฟื้นกลับมาได้ง่ายเลย
ทางออกแบบทั่วๆ ไปที่มีคนเสนอจึงเป็นว่า รัฐบาลเยอรมันจะต้องลดสัดส่วนเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกลง เน้นการบริโภคในประเทศมากขึ้น (พูดง่ายทำยากอีก) รัฐบาลจะต้องลดภาษี พร้อมกับอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และเพิ่มการลงทุนในระยะยาวทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งคงใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเห็นผล

เศรษฐกิจเยอรมันยังเจอปัญหาประชากร คนวัยทำงานมีไม่พอ ทางออกด้วยการรับผู้อพยพก็ไม่ง่ายอีก เพราะมีปัญหาผู้อพยพมากมายสั่งสมมาตั้งแต่ยุค Merkel แต่ถ้าจะไม่รับเข้ามาเลย เศรษฐกิจก็ไม่เดินหน้า ตัวของ Merz เคยพูดตอนหาเสียงว่าจะปิดพรมแดน ชนะเลือกตั้งมาก็เสียงอ่อยบอกว่าไม่ทำแล้ว
ส่วนปัญหาพลังงาน เยอรมนีต้องกลับมาเผชิญหน้ากับคำถามเดิม (แต่ในบริบทใหม่) ว่าจะเอานิวเคลียร์หรือไม่ ซึ่งเสียงคนเยอรมันที่เริ่มยอมรับนิวเคลียร์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (แต่ไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ไหน) และตรงนี้อาจมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จำเป็นต้องดึงพรรค Greens มาเข้าร่วมด้วย อีกไม่นานเราคงได้รู้กัน
The EU is healing: A Majority Now Supports Nuclear Energy
The top 5 most pro-nuclear countries:
1️⃣ Czechia (77%)
2️⃣ Finland (71%)
3️⃣ Poland (69%)
4️⃣ Denmark (66%)
5️⃣ France (66%)I illustrated results from a brand new survey by @EurobarometerEU, which asked EU Citizens the… pic.twitter.com/uKKFG9wgTV
— Johan Christian Sollid (@sollidnuclear) February 25, 2025
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องยูเครน ที่เยอรมันจะต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในฐานะแกนนำของ EU (ร่วมกับฝรั่งเศส) ในยุคที่อเมริกาทอดทิ้งยุโรปไปแล้ว การเข้ามาช่วยยูเครนแปลว่าต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล ซึ่งจะไปกระทบเรื่องหนี้สาธารณะของเยอรมนี (ตอนนี้ประมาณ 60% ของ GDP) และอาจต้องเลิกนโยบายรัดเข็มขัดไม่เพิ่มหนี้ หรือที่เรียกกันว่า debt brake เนื่องจากมันไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ ต้องทำลายเพดานหนี้เพื่อกู้มาแก้วิกฤตเฉพาะหน้าก่อน อนาคตไว้ว่ากัน
นักวิเคราะห์บางรายประเมินว่า รัฐบาลของ Merz อาจอยู่ได้ไม่ยาวนาน เพราะปัญหามีเต็มไปหมด และหากมีเลือกตั้งรอบหน้า มันอาจเป็นโอกาสทองของ AfD ที่จะได้ตั้งรัฐบาล
ประเทศไทยอาจไม่มีปัญหาเรื่องพลังงานรัสเซีย แต่มีปัญหาเรื่องภาคอุตสาหกรรมแข่งขันไม่ได้ โครงสร้างประชากรสูงอายุ โครงสร้างพื้นฐานแย่ ความสามารถในการแข่งขันถดถอยคล้ายๆ กัน
กล่าวโดยสรุปคือ ผมไปตามการเมืองเยอรมันเพื่อหวังว่าจะลอกการบ้าน แต่พบว่าปัญหาเขาหนักกว่าเราอีก ไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน