in Technology

Galaxy S10 is an All-rounder

สัปดาห์ที่แล้วไปงานเปิดตัว Galaxy S10 ที่ซานฟรานซิสโก กลับมาไทยก็มีคนถามถึงค่อนข้างเยอะว่าเป็นอย่างไร ควรซื้อไหม ฯลฯ เลยอยากรวมคำตอบไว้ที่นี่ทีเดียว

ผมพยายามหาคำนิยามของ S10 แบบเข้าใจง่ายๆ สุดท้ายก็มาลงตัวกับคำว่า All-rounder หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “ไม่เด่นไปทางใดทางหนึ่ง แต่เพียบพร้อมทุกด้าน”

ถ้าให้อธิบายของใหม่ใน Galaxy S10 แบบสั้นๆ มันคือการนำ foundation ของ Galaxy S9 เดิม (เช่น กันน้ำกันฝุ่น มีช่องเสียบหูฟัง ใส่ microSD ชาร์จไร้สาย) มาอัพเกรดหลายอย่าง

  • หน้าจอ ขยายขึ้นจากจอ Infinity Display ของ S8/S9 มาเป็นจอแบบเจาะรู (Infinity-O) ซึ่งต่างจาก “ติ่ง” (notch) แบบค่ายอื่นๆ
  • ใส่ที่สแกนนิ้วมือใต้จอมา แก้ไขปัญหาของการสแกนนิ้วด้านหลัง
  • ด้านหลัง เพิ่มกล้องเป็น 3 ตัว (S9/Note9 มี 2 ตัว) โดยเพิ่มเลนส์ Ultrawide เข้ามา
  • เพิ่มฟีเจอร์ PowerShare คือส่งไฟให้อุปกรณ์ตัวอื่นแบบไร้สายได้

ถ้าถามว่ามีฟีเจอร์ไหนที่ซัมซุงทำเป็นเจ้าแรก ก็คงบอกได้ว่าไม่มี เพราะแบรนด์จีนทำมาก่อนเกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าจอเจาะรูหรือ Power Share

ส่วนเรื่องสแกนนิ้วใต้จอ ก็มีแบรนด์จีนทำมาก่อนหน้า และกล้อง 3 ตัวก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ (ซัมซุงเองก็ทำมาก่อนกับ A7/A9 ซึ่งเคสของ A9 ก็มีกล้องตั้ง 4 ตัว)

ดังนั้นถ้าถามว่า S10 มีอะไรเด่นว้าวทำเป็นที่แรกในโลก ก็ไม่ได้มีอะไรชัดเจน แต่จากที่ลองใช้มา 2-3 วันหลังงานเปิดตัว ผมกลับชอบนะครับ คือไม่มีอะไรเด่น แต่แพ็กเกจรวมทั้งหมดมัน “ครบถ้วน” ในระดับว่า นึกไม่ค่อยออกแล้วว่าอยากได้อะไรอีกบ้าง

  • ใช้ถ่ายรูปก็ครอบคลุมเกือบทุกสถานการณ์แล้ว ซูมเข้าก็มีแล้ว รอบนี้มีซูมออกจาก ultrawide
  • ปลดล็อคเครื่องก็ทำได้หลายท่า ทั้งใช้หน้า ตอนกลางคืน (S10+) และปลดล็อคด้วยนิ้วจากด้านหน้า

ความครบนี้อยู่ในระดับว่า Galaxy S11 รุ่นของปีหน้ามีเหนื่อยทีเดียว เพราะไม่รู้จะใส่อะไรเข้ามาอีกแล้ว (เดาเอาว่าคงใส่กล้อง Depth ตัวที่สี่เข้ามา แล้วก็มี 5G ซึ่งมีตัวอย่างแล้วใน S10 5G)

ในภาพรวมคือ เราก็คงมาถึงยุคของ Smartphone Plateau แล้วจริงๆ มันอิ่มตัวละ ในระยะยาวถึงคงต้องไปท่าอื่นอย่างมือถือจอพับได้อะไรแบบนี้แทน

ถ้าถามว่าซื้อมั้ย ส่วนตัวไม่ซื้อแน่ (เพราะใช้ Note!) แต่มีคนรู้จักจัดกันมาแล้วหลายตัว โดยเฉพาะโปร AIS แรงมากครับ หวั่นไหวกันเยอะเลย