ไม่ได้มาเขียนบล็อกนาน เพราะกำลังอยู่ในช่วง readjust กับชีวิตใหม่ new normal แต่ก็มีเรื่องอยากเขียนหลายอย่าง เดี๋ยวจะทยอยเขียนไป
เรื่องแรกที่อยากเขียนถึงคือ Empathy หรือความเห็นอกเห็นใจกัน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในยุคสมัยนี้
มนุษยชาติไม่น่าจะเคยเผชิญวิกฤตระดับนี้มาก่อน เพราะดีกรีของความแพร่กระจาย (coverage) มันทะลุทะลวงไปยังทุกที่ที่มีมนุษย์อยู่ ต่อให้เทียบกับสงครามโลกครั้งที่สอง ก็น่าจะยังมากกว่า (ในแง่ของ coverage ยังไม่ใช่แง่ของ deadly) เพราะมีบางภูมิภาคที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามมากนัก ถ้าใกล้เคียงที่สุดอาจต้องย้อนไปถึงกาฬโรค หรือ ไข้หวัดสเปน ซึ่งโลกยุคนั้นก็ยังไม่ globalization เท่ากับสมัยนี้อีกเช่นกัน
เมื่อทุกคนลำบากกันถ้วนหน้า ทั้งทางสุขภาพและทางเศรษฐกิจ เราจึงจำเป็นต้องมี empathy ต่อกันให้มากๆ
แต่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ชวนคิดไปในทางตรงข้าม จึงอยากมาบันทึกรวบรวมเอาไว้
เริ่มจากข่าวใน Blognone เรื่องไมโครซอฟท์ทันรับโหลดของ Office 365 ไม่ไหว และต้องจำกัดฟีเจอร์บางอย่างลง
ความเห็นชาวเน็ตคือ “ขอให้เห็นใจ แต่ต้องจ่ายเท่าเดิม” หรือ “บริษัทระดับโลกต้องจัดการให้ดีกว่านี้”
ถัดมาเป็นเรื่องค่าส่งอาหาร ที่เพิ่งมีคนส่งมาให้ดูว่า Grab ขอขึ้นค่าส่งอีก 10 บาท
งง ถ้าอยากสนับสนุนคนขับ ทำไมบอสัดไม่ทำเองอะ ทำไมตกมาอยู่ที่ลูกค้า ทำตัวยังกับรัดบานอหต pic.twitter.com/l3VOLlcADr
— โสน🐱🌨 (@snoxxssong) March 24, 2020
อันนี้คงไม่ขอวิจารณ์ว่า Grab ทำถูกหรือไม่ แต่คิดว่าเราจะมองในมุมของผู้บริโภคอย่างเดียวก็อาจไม่ได้ มันก็มีในมุมอื่นๆ เช่น ในมุมของคนขับ หรือในมุมของบริษัทด้วย
สุดท้ายเป็นสเตตัสของพี่โจ้ ธนา ที่เพิ่งโพสต์เมื่อวานพอดี ประเด็นเดียวกัน แต่เปลี่ยนมุมมองจากผู้บริโภค-ร้านค้า มาเป็นนายจ้าง-ลูกจ้าง
ไม่แปลกใจนักที่ทุกคนจะมองในมุมของตัวเองเป็นหลัก มันเป็นธรรมดาของมนุษย์ เพียงแต่ในยุคสมัยที่ยากลำบาก ทุกอย่างขาดแคลน (โดยเฉพาะเงิน!) เมื่อความต้องการของแต่ละคนมันทับซ้อนกัน มันก็ต้องปะทะกัน ซึ่งก็ไม่ควรมาเกิดในช่วงเวลานี้ถ้าไม่จำเป็น
Empathy จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ใจเขาใจเรา อะไรยอมได้ อะไรช่วยกันได้ก็ยอมๆ กันไปก่อน สู้ไปด้วยกันเราจะรอดกันหมด
ภาพประกอบจาก Facebook