งานอดิเรกช่วงนี้คือสนใจประวัติศาสตร์จักรวรรดิไบแซนไทน์ (โรมันตะวันออก) เลยทำให้ต้องย้อนไปอ่านประวัติศาสตร์ของโรมันตะวันตกเพิ่มเติมด้วย
หลายปีที่แล้วเคยไปเที่ยวเมือง Split ประเทศโครเอเชีย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือ พระราชวังของจักรพรรดิไดโอคลีเชียน (Diocletian) ซึ่งตอนนั้นไม่ได้รู้ประวัติศาสตร์โรมันมากนัก เลยไม่ค่อยอินเท่าไร (ใครที่ดู Game of Thrones พระราชวังนี้ใช้ถ่ายฉากที่เดเนริสขังมังกรของตัวเองไว้ในคุกใต้ดิน)
พอมาศึกษาประวัติศาสตร์โรมันเลยพบว่า ไดโอคลีเชียน เป็นจักรพรรดิที่เก่งมากๆ และมีบทบาททอย่างมากคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โรมันเลย
ถ้าย้อนประวัติศาสตร์โรมันแบบพอสังเขป โรมันเปลี่ยนระบอบการปกครองจากสาธารณรัฐ (republic) มาเป็นจักรวรรดิ (empire) จากการขึ้นครองราชย์ของ ออกุสตุสซีซาร์ (Augustus) หลังสงครามคลีโอพัตราอันลือลั่นในช่วง 27 ปีก่อนคริสตกาล
แต่ระบบจักรพรรดิของโรมันไม่ได้เป็นแบบจักรพรรดิจีนที่สืบทอดสายเลือดอย่างเดียว เพราะสามารถแต่งตั้งนายทหารที่มีบทบาทในช่วงนั้นมาเป็นจักรพรรดิได้ด้วย
ระบบจักรพรรดิของโรมันสืบทอดมาหลายศตวรรษ จนมาเจอเหตุการณ์ช่วงที่เรียกว่า Crisis of the Third Century กินเวลาประมาณ 50 ปีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3 (ค.ศ. 235-284)
โรมันช่วงนี้เจอปัญหาหลายอย่าง ทั้งการบุกเข้ามาของคนเถื่อน (barbarian) ทางตอนเหนือของยุโรป และการชิงอำนาจกันเองไปมาภายในระหว่างแม่ทัพนายกอง วิกฤตการณ์ที่ยาวนานทำให้โรมันไม่เป็นปึกแผ่น มีจักรพรรดิหลายองค์เปลี่ยนไปมา และส่งผลให้โรมันอ่อนแรงลงมาก
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 284 มีนายทหารชาวดัลมาเชีย (Dalmatia ปัจจุบันเป็นพื้นที่ของโครเอเชีย) ชื่อ Diocles (ตามแบบกรีก) เรืองอำนาจขึ้นมา และเมื่อจักรพรรดิองค์ก่อนหน้า Numerian ที่ครองโรมันซีกตะวันออกป่วยตาย เหล่าทหารจึงเลือกเขาขึ้นมาเป็นจักรพรรดิคนใหม่ ชื่อว่า Diocletian ตามแบบโรมัน
จากนั้น ไดโอคลีเชียนก็เปิดศึกกับจักรพรรดิฝั่งตะวันตก และสามารถเอาชนะได้ในสงคราม Battle of Margus (ปัจจุบันคือเซอร์เบีย) ทำให้เขากลายเป็นจักรพรรดิที่รวมโรมันได้เป็นหนึ่งอีกครั้งในปี 285
แต่การปกครองอาณาจักรโรมันที่กว้างขวางไปครึ่งยุโรป และยิ่งมีสถานะที่วุ่นวายมานาน 50 ปีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งระบบการสื่อสารสมัยก่อนไม่ดีพอ การสั่งการต่างๆ ข้ามทวีปจึงทำได้ยากมาก ทางออกของไดโอคลีเชียนจึงเป็นการตั้งจักรพรรดิร่วม (co-emperor) มาแบ่งเบาภาระ แบ่งพื้นที่กัน
ไดโอคลีเชียนตั้งเพื่อนทหาร Maximian ขึ้นมาเป็นจักรพรรดิร่วมในปี 285 โดยมอบหมายให้ Maximian ปกครองจักรวรรดิฝั่งตะวันตก และตัวเขาเองดูแลฝั่งตะวันออก
หลังจากนั้นเกือบ 10 ปี ในปี 293 ระบบจักรพรรดิร่วมก็วิวัฒนาการเป็น 4 จักรพรรดิ (Tetrarchy) ที่แต่ละซีกจักรวรรดิจะมีจักรพรรดิ 2 องค์ คือ จักรพรรดิอาวุโส (augustus) และจักรพรรดิรุ่นเด็ก (caesares) แต่จักรพรรดิทั้ง 4 คนจะมีดินแดนของตัวเอง
Diocletian แต่งตั้ง Galerius นายทหารซึ่งเป็นลูกเขยของเขามาเป็นซีซาร์ ส่วน Maximian ก็ตั้งนายทหารที่เป็นลูกเขยอีกเหมือนกัน Constantius Chlorus มาเป็นซีซาร์
การแบ่งดินแดนชุดแรกมีดังนี้
- ฝั่งตะวันตก
- สเปน อิตาลี แอฟริกาเหนือ = Augustus (Maximian)
- กอล เวียน บริเตน (ฝรั่งเศ+อังกฤษ) = Caesar (Constantius)
- ฝั่งตะวันออก
- ตะวันออกและเอเชีย (นับจากตุรกีเป็นต้นไป) = Augustus (Diocletian)
- พันโนเชีย โมเอเชีย เธรซ (คาบสมุทรบอลข่าน) = Caesar (Galerius)
แต่ละโซนก็มีเมืองหลวงของตัวเอง โดยที่เมืองหลวงกลาง กรุงโรม ไม่ได้มีผลมากนักในทางปฏิบัติอีกแล้ว เป็นแค่เมืองหลวงตามธรรมเนียมเฉยๆ
ตามระบบ 4 จักรพรรดิ หากจักรพรรดิรุ่นใหญ่ (ออกุสตุส) ตาย ซีซาร์จะได้เลื่อนขึ้นมาเป็นออกุสตุสแทน (แต่ยังครองดินแดนเดิมของตัวเอง)
แต่หลังจากใช้ระบบ 4 จักรพรรดิมานานประมาณ 10 ปี ในปี 305 ไดโอคลีเชียนก็ทำสิ่งที่เซอร์ไพร์สคือ สละบัลลังก์ ซึ่งเขาเป็นจักรพรรดิโรมันคนแรกที่สละบัลลังก์ด้วย (เหตุผลสำคัญคือป่วยด้วย ตอนนั้นอายุประมาณ 60 แล้ว) แต่เท่านั้นยังไม่พอ เขายังชวน Maximian สละบัลลังก์ด้วยเช่นกัน ทำให้ “ซีซาร์” ทั้งสองคนคือ Galerius และ Constantius ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นออกุสตุสแทน (ทั้งสองคนแต่งตั้งซีซาร์ขึ้นมาใหม่อีกต่อหนึ่ง)
เกษียณแล้วไปทำอะไร ไดโอคลีเชียนจึงกลับบ้านเกิดดัลมาเชีย ไปสร้างพระราชวังริมทะเลอยู่ที่เมือง Split ในปัจจุบัน ส่วน Maximian ก็ทำแบบเดียวกันแต่ไปอยู่ที่อิตาลีตอนใต้ ตัวของไดโอคลีเชียนก็ใช้ชีวิตแบบคนแก่ ทำสวนในพระราชวัง จนกระทั่งป่วยมากๆ และฆ่าตัวตายในปี 311
ส่วนระบบ 4 จักรพรรดิที่ไดโอคลีเชียนวางเอาไว้ก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะผู้สืบทอดทั้ง 4 คนก็เปิดศึกชิงอำนาจกันเอง (ในปี 308 ทั้ง 4 คนอ้างตัวเป็นออกุสตุสกันหมด ไม่มีใครยอมเป็นซีซาร์อีกแล้ว ทำให้ ไดโอคลีเชียนและ Maximian ต้องมาช่วยหย่าศึกชั่วคราวด้วย)
ระบบ 4 จักรพรรดิมาสิ้นสุดในปี 324 โดยผู้ชนะคนสุดท้ายคือ Constantine ลูกชายของ Constantius ที่สามารถรวมจักรวรรดิโรมันได้เป็นปึกแผ่น (จริงๆ) อีกครั้ง และเขาคือผู้สร้างนคร Constantinople ที่กลายเป็นเมืองหลวงของโรมันตะวันออกมาอีกพันกว่าปี