in Movies

Andor Season 1 – วันเสียงปืนแตก

Andor เป็นซีรีส์ในจักรวาล Star Wars ที่เล่าเรื่องของ Cassian Andor ตัวละครหลักของภาพยนตร์ Rogue One ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองของฝ่ายกบฎ (Rebel Alliance) แต่เป็นช่วงเวลา 5 ปีก่อนหน้าเหตุการณ์ในภาพยนตร์ ในช่วงที่ Cassian ยังไม่ได้เข้าร่วมกับฝ่ายกบฎ

หากเราตั้งต้นที่ Star Wars ภาคแรก (A New Hope) เป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาลทั้งหมด ภาพยนตร์ Rogue One ถือเป็นเหตุการณ์ก่อนหน้า (prequel) ของ A New Hope ชนิดว่าเรื่องตอนจบของ Rogue One สามารถนำไปต่อกับ A New Hope ได้ทันที

Andor ก็ถือเป็น “ภาคก่อนหน้าของภาคก่อนหน้า” (prequel of prequel) อีกทีหนึ่ง โดยใช้ผู้สร้างคนเดียวกันคือ Tony Gilroy ที่เป็นผู้เขียนบทของ Rogue One ด้วยนั่นเอง

Andor มีด้วยกัน 2 ซีซัน โดยซีซันแรกมีทั้งหมด 12 ตอน

เหตุการณ์ใน Andor เกิดขึ้นหลังจากจักรพรรดิ Palpatine ยึดอำนาจจากสาธารณรัฐเดิม (19BBY) มาแล้วประมาณ 14 ปี ในช่วงเวลานี้ ประชากรในจักรวรรดิยังมีชีวิตความเป็นอยู่ไม่ต่างจากยุคก่อนมากนัก ยังไม่มีการกดขี่ของฝ่ายจักรวรรดิ และยังไม่มีกลุ่มต่อต้านจักรวรรดิที่รวมตัวกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวนัก

ซีรีส์ Andor เล่าเรื่องการก่อตัวของกองกำลังฝ่ายกบฎที่เริ่มขึ้นในช่วงนี้ ผ่านสายตาของตัวละครฝ่ายกบฎ 3 คนได้แก่

  • Cassian Andor 
  • Luthen Rael เสนาธิการคนสำคัญผู้สร้างเครือข่ายของฝ่ายกบฎ
  • Mon Mothma วุฒิสมาชิกผู้สนับสนุนฝ่ายกบฎอย่างลับๆ

แฟนๆ ในจักรวาล Star Wars อาจคุ้นเคยกับ Mon Mothma กันมาบ้าง ในฐานะผู้นำของฝ่ายกบฎ (นอกเหนือจากเจ้าหญิงเลอา) ในซีรีส์ Andor เป็นช่วงที่เธอยังเป็นวุฒิสมาชิกอยู่ในสภาที่นครหลวง Coruscant โดยพยายามหาวิธีอำพรางตัวไม่ให้จักรวรรดิรู้ว่าเธอให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ฝ่ายกบฏที่นำโดย Luthen

ส่วน Luthen เคยมีบทบาทเล็กน้อยใน Rogue One ในฐานะหัวหน้าของ Cassian ที่นั่งบัญชาการอยู่ที่ศูนย์กลางของฝ่ายกบฎ แต่ใน Andor นั้นเขากลายเป็นตัวละครสำคัญมาก เพราะถือเป็นอาจารย์ผู้ดึง Cassian เข้าสู่ฝ่ายกบฏ และเป็นแกนกลางผู้ผลักดันให้ฝ่ายกบฏที่แยกกันอยู่แบบหลวมๆ รวมตัวกันได้สำเร็จ

หลายคนอาจจำนักแสดง Stellan Skarsgård ในฐานะตาลุงนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องใน Thor กันได้ แต่พอเขามารับบทเป็น Luthen ในเรื่องนี้ก็ฉีกแนวเป็นโหดและเยือกเย็นมากๆ เลย

ซีรีส์ Andor ทั้ง 12 ตอน แบ่งเรื่องออกเป็น 4 องค์ ตามดาวเคราะห์ที่ Cassian ต้องเดินทางไป

Ferrix

Cassian ที่เป็นตัวหลักในการเดินเรื่อง เริ่มเรื่องมาเขายังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนอยู่ในดาวเคราะห์ Ferrix ดาวอุตสาหกรรมหนักที่ดูอึมครึม มีอาชีพค้าของเถื่อนไปวันๆ และมองหาโอกาสที่จะหลบหนีออกไปจากดาวที่แสนน่าเบื่อดวงนี้

เราได้เห็นเรื่องราวเบื้องหลังของ Cassian ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นชนเผ่าในป่าของดาว Kenari ที่ห่างไกล มีน้องสาวหนึ่งคน แต่จับพลัดจับผลูได้ย้ายมาอยู่ที่ดาว Ferrix ด้วยฝีมือของพ่อแม่บุญธรรม Clem และ Maarva ที่มีอาชีพหาเศษชิ้นส่วนจากยานอวกาศไปขาย

Cassian มาอยู่บนดาว Ferrix ด้วยความฝังใจเรื่องน้องสาวที่พลัดพรากจากกันไป และพยายามตามหาน้องสาวอยู่ตลอด (จบซีซันหนึ่งก็ยังหาไม่เจอ อาจเจอในซีซันสอง) หลังจากเขาได้ชิ้นส่วนอุปกรณ์นำทางยานอวกาศ (starpath) มาจากดาว Morlana One เขาก็พยายามขายมันในราคาสูงให้กับผู้ซื้อจากดาวอื่น ผ่านช่องทางของแฟนเก่า Bix Caleen ที่มีวิธีการสื่อสารกับเครือข่ายนักค้าของเถื่อนอวกาศ

แต่ผู้ซื้อรายที่ว่านั้นคือ Luthen Rael เจ้าของเครือข่ายข่าวกรองของฝ่ายกบฎ ที่ต้องการนำชิ้นส่วนเหล่านี้ไปขายต่อให้กับกองกำลังฝ่ายกบฎ (เช่น กลุ่มของ Saw Gerrera ที่มีบทบาทใน Rogue One และเกม Jedi Fallen Order)

ระหว่างนั้น กลุ่มตำรวจของดาว Morlana One ที่ตามจับ Cassian ก็เดินทางมาถึง ทำให้ Cassian ต้องหลบหนีไปพร้อมกับ Luthen ออกจากดาว Ferrix

Aldhani

Luthen นำ Cassian ไปยังดาวเคราะห์ Aldhani ที่มีแต่ป่าและฐานทัพของฝ่ายจักรวรรดิ เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการ “ปล้น” เงินเครดิตที่จักรวรรดิต้องนำไปจ่ายให้ข้าราชการจำนวนมาก ร่วมกับทีมปล้นของฝ่ายกบฎที่นำโดย Vel Sartha ผู้นำหญิงที่มีสายสัมพันธ์กับ Mon Mothma

Cassian เองนั้นยังไม่สนใจเข้าร่วมกับฝ่ายกบฎ ต้องการทำงานหาเงินเพื่อ “ไปให้พ้นๆ” จากคนกลุ่มนี้เท่านั้น แต่ระหว่างปฏิบัติการ เขาก็ได้ผูกพันกับเพื่อนร่วมแก๊งหลายคน โดยเฉพาะ Nemik นักปฏิวัติหนุ่มที่เน้นอุดมการณ์เสรีภาพเหนือสิ่งอื่นใด แม้ว่า Nemik ต้องตายระหว่างปฏิบัติการ แต่เขาก็ส่งต่อบันทึกของนักปฏิวัติให้กับ Cassian ที่เขามองว่าร่วมอุดมการณ์เดียวกัน

ปฏิบัติการของทีม Vel ในตอนที่ 6 The Eye” ถือเป็นหนังแนวปล้น (heist) ที่สนุกมากตอนหนึ่ง การพ่วงมันไปกับปรากฏการณ์ท้องฟ้า Eye of Aldhani ยังทำให้ปฏิบัติการครั้งนี้น่าจดจำมากยิ่งขึ้นไปอีก

เหตุการณ์ฝ่ายกบฎโจมตีฐานทัพ Aldhani สร้างแรงสะเทือนไปทั่วจักรวรรดิ เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายกบฎมีตัวตนจริงๆ ขึ้นมา (จะเรียกว่าเป็น “วันเสียงปืนแตก” ของฝ่ายกบฎก็ได้) และทำให้หน่วยความมั่นคงของจักรวรรดิคือ ISB เริ่มใช้ “กำปั้นเหล็ก” ไปทั่วจักรวาล เพื่อทุบไม่ให้ฝ่ายกบฎโงหัวขึ้นมาได้

นั่นยิ่งเข้าทางของ Luthen เพราะยิ่งจักรวรรดิกดขี่ประชาชนมากเท่าไร แนวร่วมของฝ่ายกบฎยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

Narkina 5

Cassian หลบหนีแต่เพียงลำพังไปยังดาวเคราะห์ชายหาด Niamos แต่โดนจับในฐานะคนแปลกหน้า จักรวรรดิกำลังใช้กำปั้นเหล็กกดขี่ประชาชนที่มีโอกาสกบฎพอดี เขาโดนยัดข้อหาจำคุก 6 ปี และถูกส่งไปยังคุกกลางทะเลที่ดาวเคราะห์ Narkina 5

ที่คุกแห่งนี้ นักโทษต้องใช้แรงงานประกอบชิ้นส่วนเครื่องจักรให้ได้จำนวนมากๆ ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อไม่ให้โดนลงโทษ ในขณะที่วิธีลงโทษของคุกแห่งนี้ใช้ “พื้นช็อตไฟฟ้า” ควบคุมนักโทษที่ต้องเดินเท้าเปล่าทั้งหมด

หัวหน้านักโทษ Kino Loy (แสดงโดย Andy Serkis ซึ่งเป็นผู้ให้เสียงท่านผู้นำ Snoke ในไตรภาค sequel ด้วย) อยากทำงานให้เสร็จๆ เพื่อให้พ้นโทษโดยเร็ว แต่สุดท้าย Cassian และ Kino พบว่าจักรวรรดิไม่ได้ปล่อยนักโทษตามสัญญา ทำให้ทั้งสองคนร่วมมือกัน ช่วยพานักโทษแหกคุกออกมาได้สำเร็จ

ไคลแม็กซ์ของการแหกคุกในตอนที่ 10 (One Way Out) น่าจดจำไม่แพ้ตอนที่ 6 การแสดงของ Andy Serkis ต้องบอกว่ายอดเยี่ยม ถึงแม้คาแรกเตอร์ Kino ไม่สามารถแหกคุกออกมาได้สำเร็จ (เพราะว่ายน้ำไม่เป็น) แต่ความโดดเด่นของเขาก็หวังว่าจะได้โผล่มาอีกครั้งในซีซัน 2

Cassian แหกคุกมาพร้อมกับเพื่อนอีกคน Melshi ที่ภายหลังกลายเป็นคู่หูของเขาใน Rogue One โดย Melshi แยกตัวไปเดินทางเล่าความเลวร้ายของคุกจักรวรรดิให้โลกฟัง ในขณะที่ Cassian พบว่า Maarva แม่เลี้ยงของเขาที่ยังอยู่ที่ดาว Ferrix นั้นเสียชีวิตแล้ว

Return to Ferrix

สองตอนสุดท้ายของ Andor กลับมาที่ Ferrix ดาวเคราะห์ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร (?) อีกครั้ง โดยที่ตัวละครหลักๆ ทุกคนมารวมตัวกันที่ Ferrix

  • Cassian จะกลับมางานศพของแม่
  • ฝ่ายจักรวรรดิที่นำโดย ISB พยายามมาดักจับ Cassian ที่มางานศพ
  • ฝ่ายกบฎที่นำโดย Vel/Luthen พยายามมาลอบฆ่า Cassian ที่รู้เรื่องของฝ่ายกบฎ ก่อนโดนจักรวรรดิจับไป

งานศพของ Maarva ที่เคยเป็นผู้นำของกลุ่ม Daughters of Ferrix นั้นยิ่งใหญ่กว่าที่คิด เราได้เห็นวัฒนธรรมงานศพ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชาว Ferrix บนถนน Rix Road สายหลักของเมือง หน้าบ้านของ Cassian นั่นเอง

ก่อนตาย Maarva บันทึกสุนทรพจน์ของเธอเตรียมเอาไว้เพื่อเปิดในงาน แต่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าในเหตุการณ์ที่ชาวเมือง Ferrix ทุกคนมารวมตัวกัน โดยมีกองทหารของจักรวรรดิล้อมเอาไว้ สิ่งที่ Maarva พูดคือการเรียกร้องให้ชาวเมืองลุกขึ้นสู้กับการกดขี่ของฝ่ายจักรวรรดิ

งานศพของ Maarva กลายเป็นจุดปะทุให้ชาวเมือง Ferrix ก่อจลาจล ปะทะกับทหารฝ่ายจักรวรรดิจนมีผู้เสียชีวิตมากมาย แผนการของ ISB ล้มเหลว ในขณะที่ Cassian สามารถช่วยเหลือ Bix ที่ถูกจับกุมออกมาได้

Cassian กลับไปเผชิญหน้ากับ Luthen ที่ตั้งใจมาลอบฆ่าเขา แต่เมื่อ Luthen ไม่ยอมฆ่า Cassian ก็ขอให้นำเขาไปเข้าร่วมกับฝ่ายกบฎด้วย เพราะจิตวิญญาณของฝ่ายกบฎได้ถูกจุดขึ้นแล้วในใจของเขา จากสปีชก่อนตายของ Maarva

เช่นเดียวกับ จิตวิญญาณของชาวเมือง Ferrix ที่เริ่มต้นลุกขึ้นสู่กับฝ่ายจักรวรรดิ และคนในดาวเคราะห์อื่นๆ อีกจำนวนมากทั่วจักรวาล

ซีรีส์ Star Wars ที่ดีที่สุด?

Star Wars ภาคหลักทั้ง 9 ภาคนั้นเป็นเรื่องของตระกูล Skywalker ผู้มี “พลังวิเศษ” ในการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของจักรวาล เป็นการต่อสู้ของเหล่าอัศวินเจไดผู้ศักดิ์สิทธิ์ กับฝ่ายวายร้าย ด้วยพลัง force และดาบไลท์เซเบอร์

ในขณะที่ Andor เป็นเรื่องของคนธรรมดาๆ (ธรรมดาทั้งฝ่ายจักรวรรดิและฝ่ายกบฎ) ไม่มีเจได ไม่มีไลท์เซเบอร์ ไม่มี force และแทบไม่มีตัวละครของภาคหลักมาเกี่ยวข้องเลย (มีเอ่ยถึงจักรพรรดิอยู่ประมาณ 2 คำ) แต่สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นจุดเด่นของ Andor ไปแทน

เพราะเราได้เห็นการต่อสู้ของคนธรรมดาที่มีที่มาแตกต่างกัน แต่มารวมกันเพื่อสู้ในสิ่งที่พวกเขาเชื่อ โดยเนื้อแท้แล้ว Andor คือซีรีส์การเมืองยุคอวกาศ ที่ตัดทหาร Stormtrooper ออกไปแล้วก็แทบไม่รู้เลยว่านี่คือ Star Wars

เรารู้ว่าเส้นทางของฝ่ายกบฎประสบความสำเร็จในสงครามยาวิน (4 A New Hope) และสามารถเอาชนะจักรวรรดิได้ในสงครามที่ Endor (Return of the Jedi) แต่ก่อนหน้านั้น กองกำลังฝ่ายกบฎจำนวนมาก ซึ่งรวมถึง Cassian ก็เสียสละตัวเองในสงครามที่ Scarif เพื่อชิงเอาแปลนของ Death Star ออกมา (Rogue One)

Andor เป็นเรื่องเล่าของการปฏิวัติที่ลึกลงไปมากกว่านั้น เป็นการเล่าว่ากองกำลังกบฎเกิดขึ้นได้อย่างไร ผ่านการอุทิศตัวของคนตัวเล็กๆ จำนวนมากที่ต้องเสี่ยงอันตราย ไม่ว่าจะเป็น Luthen ที่เสียสละชีวิตเพื่อการปฏิวัติ, Mon Mothma ที่ยอมแลกทุกอย่างในชีวิตหรูหราไฮโซของวุฒิสมาชิก, ไส้ศึกใน ISB ที่ยอมเสี่ยงชีวิตขายข้อมูลให้ Luthen หรือชาวเมืองชนชั้นแรงงานใน Ferrix ที่เอาตัวเข้าแลกเพื่อสู้กับทหารฝ่ายจักรวรรดิที่มีกำลังมากกว่า

หากไม่มีการอุทิศตัวของคนเหล่านี้ ชัยชนะของฝ่ายกบฎในอนาคตไม่มีการเกิดขึ้นได้เลย นี่จึงเป็นสเน่ห์ของ Andor ที่รู้อยู่แล้วว่าบั้นปลายเป็นอย่างไร แต่สามารถแต่งเรื่องและเล่าเรื่องจุดเริ่มต้นของ “จิตวิญญาณแห่งการต่อต้าน” ได้อย่างสมจริงและน่าสนใจมาก

ผู้สร้าง Tony Gilroy ก็ให้สัมภาษณ์ไว้ชัดว่านี่คือความตั้งใจของเขาเลย

“I think everybody was kind of aware on their side that there was not only an opportunity, but a need for a new lane,” Gilroy says. “If there’s a billion beings in that galaxy, surely there’s a billion stories there, and they don’t all have to do with lightsabers and Jedi and Luke and Darth Vader. I mean, other people are living their lives, and there are incredible events that are happening.”

ก่อนหน้านี้ ซีรีส์ The Mandalorian ที่ใช้วิธีเล่าเรื่องแบบหนังคาวบอย ก็ถือเป็นซีรีส์ Star Wars ที่ทำออกมาได้ดีและสนุกพอสมควร แต่เทียบไม่ได้เลยกับ Andor ที่ทำได้ดีกว่ามากๆ ทั้งบท นักแสดง โปรดักชัน และรายละเอียดต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องย้อนกลับไปดาว Tatooine, ไม่ต้องมี Baby Yoda หรือเจไดเซเล็บมาช่วยสร้างสีสันเป็นระยะๆ ด้วยซ้ำ

ให้คะแนน 10/10