in Technology

A Country of Geniuses

ช่วงหยุดปีใหม่มีโอกาสนั่งไล่อ่านบทความที่ดองๆ เอาไว้ ชิ้นหนึ่งคือ Machines of Loving Grace: How AI Could Transform the World for the Better เขียนโดย Dario Amodei ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Anthropic บริษัท AI ที่ร้อนแรงที่สุดรายหนึ่งของยุคสมัย

บทความนี้ Amodei เขียนไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 แต่เนื่องจากมันยาวมาก เลยดองเอาไว้นานมาก

เนื้อหาในบทความเป็นการพยากรณ์อนาคตของ Amodei ว่า “Powerful AI” (เขาบอกว่าเกลียดคำว่า AGI) หรือ AI ที่ฉลาดมากๆ ในระดับว่าฉลาดกว่านักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไรบ้างในกรอบเวลา 5-10 ปีข้างหน้า โดยเขาสนใจ 5 สาขาดังนี้

  1. Biology and physical health
  2. Neuroscience and mental health
  3. Economic development and poverty
  4. Peace and governance
  5. Work and meaning

รายละเอียดของบางสาขาค่อนข้างยาว ต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง + พลังในการอ่านเยอะพอสมควร แต่ในภาพรวมแล้วผมคิดว่ามีข้อสรุป 2 เรื่องที่สำคัญ

ข้อแรกคือ Amodei เปรียบเทียบความสามารถของ Powerful AI แบบสั้นกระชับ เห็นภาพว่ามันเทียบเท่า “ประเทศที่มีแต่อัจฉริยะ” (a country of geniuses in a datacenter)

หากเราจินตนาการตาม มีประเทศสักแห่งที่มีแต่อัจฉริยะ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นตามมา นำมาสู่ข้อสรุปที่สองคือ Amodei บอกว่ามันจะเป็นการ “บีบอัดเวลา” สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่อาจต้องใช้เวลา 50-100 ปีหากใช้พลังมนุษย์โดยลำพัง มันอาจย่อลงเหลือ 5-10 ปีเท่านั้น (เร่งเวลาเหมือนกับสแตนด์  Made in Heaven ใน Jojo สินะ)

ดังนั้น ศตวรรษที่ 21 จะเป็นศตวรรษที่ถูกอัดให้แน่นขึ้น (a compressed century) หรือ “compressed 21st”

ยกคำของเจ้าตัวมาเลย

To summarize the above, my basic prediction is that AI-enabled biology and medicine will allow us to compress the progress that human biologists would have achieved over the next 50-100 years into 5-10 years. I’ll refer to this as the “compressed 21st century”: the idea that after powerful AI is developed, we will in a few years make all the progress in biology and medicine that we would have made in the whole 21st century.

ผมพยายามนั่งคิดตามต่อว่า หน้าตาของศตวรรษที่ถูกเร่งเวลาขึ้นจะเป็นอย่างไร

หากเรามองทะลุผ่าน AI มหาชนตระกูล LLM ถามอะไรตอบได้ เป็นสุดยอด generalist ที่รวมเอาคลังคำในอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ไปก่อน

ตัวอย่าง AI ประเภทอื่นที่เหมาะกับการนำมาเป็นต้นแบบที่สุดน่าจะเป็น AlphaFold AI ช่วยคาดเดาการพับของโปรตีนจาก Google DeepMind ที่เพิ่งได้รางวัลโนเบลสาขาเคมีปี 2024 มันแสดงให้เห็นชัดๆ เลยว่าการมี AlphaFold นั้นเปรียบเสมือนมีนักเคมีรางวัลโนเบลจำนวนมากๆ มานั่งทำงานที่สเกลขนาดใหญ่มากๆ มีทั้งพลังสมอง (ฉลาดพอหรือมากกว่านักวิทยาศาสตร์) และความถึก (ไม่เหนื่อย ไม่หลับ ไม่นอน แยกตัวเป็นพันร่างได้) แต่มีโฟกัส จะสนใจทำแต่งานของตัวเองเท่านั้น ไม่สนใจกลายร่างเป็น Skynet หรือ HAL-9000 มายึดครองโลก

พอนึกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมออก ก็เริ่มตื่นเต้นแล้วเหมือนกันว่าโลกที่ Amodei มองเห็นมันจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และมันจะส่งผลกระทบต่อสังคมด้านอื่นๆ อย่างไร

บทความเก่าที่เกี่ยวข้อง: Acceleration โลกที่ถูกเร่งจาก COVID

หมายเหตุ: รูปประกอบสร้างด้วย Microsoft Designer โดยใช้ prompt ตรงๆ ว่า “a country of geniuses in a datacenter” แล้วได้รูปนี้ออกมาตลกดี ชอบมาก เลยเอามาประกอบบทความ