อีกคลิปในซีรีส์ของ CNBC (ตอนเก่า: Brutal Capitalism, Shrinking Middle-Class)
มีด้วยกัน 2 ตอนที่เกี่ยวข้องกันคือ 1) ทำไมราคาบ้านแพง และ 2) ทำไมค่าเช่าบ้านแพง
สาเหตุของทั้ง 2 เรื่องคล้ายกัน ปมใหญ่ที่สำคัญ (และตรงไปตรงมา) คือ “จำนวนบ้านมีไม่พอ” ทำให้มีดีมานด์มากกว่าซัพพลาย ราคาเลยแพงขึ้นทั้งค่าซื้อบ้านและค่าเช่าบ้าน
ถ้าถามต่อว่าทำไมจำนวนบ้านมีไม่พอ เกิดจากหลายสาเหตุดังนี้
- ปัญหาต่อเนื่องจาก Financial Crisis ปี 2007-2008 ที่เกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ พอฟองสบู่แตกทำให้ปริมาณบ้านสร้างใหม่มีจำนวนน้อยลงมาสิบกว่าปี
- บริษัทก่อสร้างที่อาศัยการหมุนเงินจากธนาคารขนาดเล็ก ก็น้อยลงด้วย เพราะบริษัท-ธนาคารเหล่านี้หายไปจากฟองสบู่แตก
- วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้สร้างบ้านแพงขึ้น เช่น ไม้ เหล็ก ฯลฯ โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีหลังมานี้ จากปัญหา covid (ซัพพลายขาดเพราะโรงงานปิด ส่งของไม่ได้) และปัญหาเศรษฐกิจฟื้นตัวหลัง covid (ดีมานด์อั้นมาเลยพุ่ง)
- แรงงานสายก่อสร้างมีน้อยลง ค่าแรงสร้างบ้านเลยแพงไปด้วย ซึ่งเกิดจากหลายเรื่องปนกันอีกคือ
- นโยบาย immigration ในยุค Trump ทำให้มีแรงงานเข้าไปในอเมริกาน้อยลง
- ปัญหา The Great Resignation ทำให้แรงงานย้ายไปทำงานอย่างอื่น
- กฎหมายผังเมืองของท้องถิ่นเอง ที่กีดกันการสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยใหญ่ อยู่ได้หลายคน เอื้อให้สร้างได้เฉพาะ single-family home เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถสร้างที่อยู่อาศัยแบบหนาแน่นได้ง่ายนัก
ผลกระทบของราคาบ้านแพง-ค่าเช่าบ้านแพง
- ทำให้คนชั้นกลางถูกบีบคั้นมากขึ้น เพราะต้องย้ายออกจากโซนที่อยู่อาศัยในเมือง ไปอยู่นอกเมืองที่ราคาถูกกว่า แต่การอยู่นอกเมืองก็มีปัญหาเรื่องการเดินทางตามมา ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงอีก
หนทางแก้ไข
- ตอนนี้บ้านแพง จะส่งผลให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่กันมาสร้างบ้านมากขึ้น เพราะขายได้ราคาดี – ให้เช่าได้ราคาดี ปัญหาจะค่อยๆ คลายลงในระดับหนึ่ง
- ออกกฎหมายจำกัดเพดานการขึ้นค่าเช่าต่อปี ซึ่งบางรัฐ บางเมือง ทำแล้ว แต่นักเศรษฐศาสตร์ก็เถียงกันอยู่ว่าผลดี vs ผลเสียเป็นอย่างไร
- แก้กฎหมายผังเมือง ซึ่งยากตรงที่ต้องคุยเป็นรายท้องถิ่นด้วย