in Gadgets

ThinkPad X1 Nano (Gen 1)

เมื่อช่วงต้นๆ ปีมีเหตุว่าเครื่องโน้ตบุ๊กตัวที่ใช้อยู่ก่อนหน้านี้คือ HP Spectre X360 ใช้มาประมาณ 3 ปี มีปัญหา hardware fault เจออาการจอฟ้าอยู่บ่อยครั้ง บวกสถานการณ์ COVID ทำให้ไม่มีโอกาสไปซ่อม จึงเกิดปัญหาว่าไม่มีโน้ตบุ๊กตัวเล็กสำหรับพกพาออกนอกบ้าน

เลยตัดสินใจซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ ซึ่งมาจบด้วย ThinkPad X1 Nano แต่ด้วยสถานการณ์ COVID อีกนั่นล่ะ ทำให้ไม่ค่อยได้ออกนอกบ้าน และไม่มีโอกาสทดลองพกพาไปใช้งานจริงนอกสถานที่สักเท่าไร

ล่าสุดมีคนรู้จักถามว่าใช้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง เลยเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่เคยเขียนถึงเลย มาบันทึกไว้เผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ

TL;DR

ข้อดี

  • น้ำหนัก 926 กรัม ไม่ถึง 1 กิโล
  • สเปกเทียบเท่า ThinkPad X1 Carbon ไม่มีปัญหาประสิทธิภาพใดๆ
  • รองรับ Windows Hello ทั้งกล้อง IR และ fingerprint

ข้อเสีย

  • คีย์บอร์ดตื้นไปหน่อยสำหรับชาว ThinkPad
  • เว็บแคม 5MP คุณภาพไม่ค่อยดีนัก
  • พอร์ตมีเฉพาะ USB Type-C อย่างเดียว
  • ราคาที่ซื้อ ไม่ได้เป็นจอทัชสกรีน

Expectation & Requirements

ผมตั้งใจซื้อโน้ตบุ๊กตัวนี้เป็น portable machine ออกนอกสถานที่โดยเฉพาะ ไม่ใช่เป็นคอมพิวเตอร์ workstation ในบ้าน ที่มีอีกเครื่องใช้งานอยู่แล้ว

เหตุผลที่ตัดสินใจซื้อ X1 Nano มาจากเรื่องน้ำหนักล้วนๆ เพราะชีวิตการทำงาน 10 กว่าปีที่ผ่านมา ต้องแบกโน้ตบุ๊กใส่เป้ไปทำงานนอกสถานที่ โดยเฉพาะทริปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง น้ำหนักของโน้ตบุ๊กจึงมีผลอย่างมาก

ตัวก่อนหน้านี้ที่ใช้งานคือ HP Spectre X360 เป็นโน้ตบุ๊กที่ดีเลย จอทัช พับเป็นแท็บเล็ตได้ แต่น้ำหนักเครื่องยังเป็น 1.3 กิโลกรัมอยู่ ในแง่การแบกก็มีผลอยู่พอสมควร เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กกลุ่ม sub-1kg

โน้ตบุ๊ก sub-1kg เองก็ไม่ใช่ของใหม่ในวงการ แต่ก่อนหน้านี้ โน้ตบุ๊กที่เบามากๆ ต้องแลกมาด้วย trade-off ด้านประสิทธิภาพบางอย่าง (เหมือนเน็ตบุ๊กในอดีต เครื่องเล็กจริงเบาจริง แต่ช้าและสเปกต่ำ) หรือไม่อย่างนั้นก็มีราคาที่แพงมากๆ ทะลุโลกไปเลย

ThinkPad X1 Nano (Gen 1) น่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก sub-kg ตัวแรกที่ไม่ต้องแลก trade-off ทั้งในแง่ประสิทธิภาพและราคาสักเท่าไรแล้ว ถ้าให้นิยามแล้ว มันคือ ThinkPad X1 Carbon เวอร์ชันลดไซส์ ลดขนาดลงมา โดยแลกกับ trade-off ในแง่ฟีเจอร์บางอย่างเท่านั้น แต่ไม่ใช่เรื่องประสิทธิภาพ เพราะสเปกแกนหลักเหมือนกันเกือบหมด บวกกับ build quality ระดับ ThinkPad X1 ที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว

เนื่องจากชีวิตนี้ใช้ ThinkPad มาหลายรุ่น ก็ไม่ต้องคิดมาก เชื่อใจในคุณภาพได้ เมื่อ Lenovo ออกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการเป๊ะๆ มาพอดี (X1 Nano นับเป็น Gen 1) ด้วย บวกกับได้ราคาที่ค่อนข้างดี เลยตัดสินใจไม่ยาก

เทียบขนาดกับ MacBook Air M1 เครื่องของบริษัท (หนักตั้ง 1.29 kg)

Results

เมื่อจุดเด่นสำคัญของ X1 Nano คือน้ำหนัก เหตุผลที่ซื้อก็เรื่องน้ำหนัก พอมาใช้งานจริง จับใส่เป้แล้วแบกขึ้นไหล่ออกจากบ้าน ก็ต้องบอกว่าคุ้มแล้วทันที เพราะน้ำหนักเบาจนรู้สึกได้ว่าแบกสบายกว่าเดิมมาก และน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับการแบกแท็บเล็ต + เคสคีย์บอร์ดแล้ว (ผมเคยใช้ Surface 3 เป็นโน้ตบุ๊กหลักมาก่อน ฟีลลิ่งก็แบบเดียวกัน) แต่ต้องไม่ลืมว่าที่แบกอยู่มันคือ full fledge PC เต็มตัว

ในแง่ประสิทธิภาพไม่มีปัญหาใดๆ เพราะเป็นพีซีเต็มรูปแบบ หน้าจอ 13″ (ไม่ได้ลดลงเป็น 12″) รันงานราบรื่นทุกอย่างเท่าที่พีซีพลัง Intel แบบไม่มีจีพียู discrete สามารถทำได้ เครื่องมาพร้อม Windows 10 Pro แต่อัพเกรดเป็น Windows 11 ก็ไม่มีปัญหาอะไร

สิ่งที่เป็น requirement พื้นฐานของผมไปแล้วคือต้องมีกล้อง IR สำหรับล็อกอินด้วย Windows Hello ซึ่ง X1 Nano ก็มีให้ (มีชัตเตอร์ปิดกล้องด้วยแต่ก็ไม่ได้ใช้ มีตัวสแกนนิ้วมือก็ไม่ค่อยได้ใช้อีก)

ส่วนข้อจำกัดเท่าที่พบ พอมีบ้าง ถือว่าเป็น compromise ที่ต้องแลกมากับตัวเครื่องที่เล็กลงจาก X1 Carbon แต่ก็อยู่ในระดับที่พอรับได้ เมื่อพิจารณาเรื่องน้ำหนัก และประสิทธิภาพต่อราคา

  • คีย์บอร์ด รู้สึกว่าระยะกดตื้นไปหน่อย พิมพ์ไม่ค่อยสนุกนัก (เทียบกับ X1 Carbon) แต่ก็เข้าใจได้กับเครื่องที่เล็กและบางขนาดนี้
  • เว็บแคม 720p ค่อนข้างน่าผิดหวัง ภาพไม่ค่อยชัดเท่าที่ควรจะเป็นสำหรับยุคนี้
  • พอร์ต มีน้อยไปนิดคือ USB-C x2 + พอร์ตหูฟัง จะให้เพอร์เฟคต์อยากได้ HDMI + USB-A เพิ่ม แต่เครื่องขนาดนี้ ราคาเท่านี้ก็เข้าใจได้ (ultraportable ขนาดพอๆ กันที่มี HDMI อาจราคาประมาณ 7 หมื่น)
  • หน้าจอ ข้อดีคือเป็น 2K IPS สวยงาม แต่สเปกรุ่นที่ขายในไทยเป็น non-touch ถ้ามี touch ให้เลือกก็น่าจะดีกว่านี้
  • แบตเตอรี่ น้อยไปนิดแต่ก็ไม่น่าเกลียด

สเปกและราคา

ซื้อผ่านหน้าเว็บ Lenovo.com โดยตรง ซึ่งราคาจะแกว่งๆ ตามโปรโมชั่นในแต่ละช่วง + สต๊อกสินค้าในช่วงนั้น ต้องใจเย็นๆ รอดูราคาในแต่ละช่วงสักนิดนึงด้วย แนะนำให้แชทคุยกับพนักงานเพื่อข้อมูลละเอียด + ส่วนลดเพิ่มเติมที่อาจมีเพิ่มจากราคาบนหน้าเว็บด้วย

สเปกเครื่องที่ซื้อ

  • ซีพียู Intel 11th Gen Core i5-1130G7
  • จอ 13.0″ 2K IPS Anti-Glare Non-touch
  • แรม 16GB LPDDR4X 4266MHz
  • สตอเรจ SSD M.2 2242 512GB
  • แบตเตอรี่ 3 Cell, 48 Wh
  • กล้อง: IR + 720p
  • Fingerprint Reader
  • ไม่มี WWAN

ราคาเครื่อง 45,168.50 บาท + ประกัน on-site อีก 3 ปี ราคา 3,515.76 บาท (ราคารวม VAT แล้ว) ราคาช่วงนี้ถ้าไม่เจอโปรโมชั่นแรงๆ จะได้สเปกที่เป็นแรม 8GB + สตอเรจ 256GB เท่านั้น ก็ถือว่าซื้อได้ถูกกว่าปกติประมาณหมื่นบาท

สั่งซื้อวันที่ 8 มิถุนายน 2021 ได้ของ 16 มิถุนายน 2021 (ของส่งมาจากสิงคโปร์) ซึ่งถือว่าเร็วแล้วสำหรับการสั่งบนหน้าเว็บ Lenovo.com ที่ระยะการส่งมอบของจะแตกต่างกันมากตามล็อตของสินค้า