in Movies

The Witcher Season 3

ซีรีส์ The Witcher Season 3 ของ Netflix เป็นการดัดแปลงเนื้อหาจากนิยายเล่ม 2 Time of Contempt มาเป็นซีรีส์ความยาว 8 ตอน

รอบนี้มาแปลกหน่อยคือ Netflix ปล่อยฉายทีละส่วนคือ 5+3 ตอน ซึ่งก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไปทำไม มันดูครึ่งๆ กลางๆ แตกต่างจากการปล่อยทั้งหมด หรือปล่อยตอนละสัปดาห์แบบดั้งเดิม เลยกลายเป็นว่าดูจบไป 5 ตอนแล้วต้องรออีก 2-3 สัปดาห์ จนเลิกสนใจไปแล้วช่วงที่นำอีก 3 ตอนที่เหลือมาปล่อยต่อ

เนื้อหาใน The Witcher Season 1 เป็นเรื่องแยกของตัวเอก 3 คนหลักคือ Geralt, Yennefer และ Ciri ต่างกรรมต่างวาระ ต่าง timeline กัน (เพราะคนละเผ่าอายุไม่เท่ากัน) โดยที่ Geralt กับ Ciri ได้มาเจอกันในตอนสุดท้าย

ส่วน Season 2 เป็นการเดินทางของ Geralt กับ Ciri ไปยังป้อมปราการ Kaer Morhen ของเหล่า Witcher เพื่อฝึกวิชา+หลบภัย ส่วนตอนจบ ทั้งสามคนได้กลับมาเจอกันพร้อมหน้าสักที พร้อมกับการเฉลยชาติกำเนิดของ Ciri อันเป็นเหตุให้ทุกแคว้นในทวีป (The Continent) มาตามล่าตัว Ciri กัน

เนื้อหา Season 3 เปิดมาด้วยการเดินทางของ “ครอบครัว” ตัวเอกทั้งสาม หลบหนีการตามล่าของฝ่ายต่างๆ มาเรื่อยๆ จนสุดท้าย Yennefer ตัดสินใจพา Ciri ไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ของตัวเอง Tissiah ที่วิหาร Aretuza ของเหล่าพ่อมดแม่มด Brotherhood of Sorcerers

พล็อตหลักของเรื่องยังเป็นความสัมพันธ์ของครอบครัวตัวเอก (ที่ไม่ได้เกี่ยวพันกันทางสายเลือด) วางทับซ้อนอยู่บนการเมืองของแคว้นต่างๆ ในทวีปที่ต้องการแย่งตัว Ciri กัน โดยมี 3 ฝ่ายหลักๆ คือ Redania แคว้นใหญ่ทางตอนเหนือ, จักรวรรดิ Nilfgaard Empire ที่รุกรานเข้ามาจากทางใต้ และกลุ่ม Brotherhood of Sorcerers ที่พยายามรวบรวมแคว้นทางเหนือ (Northern Kingdoms) เข้าด้วยกันเพื่อต่อต้าน Nilfgaard

ใน The Witcher Season 1 เป็นการเล่าเรื่องแบบ “มอนสเตอร์ประจำสัปดาห์” ที่ค่อนข้างปัจเจก ตรงไปตรงมา แต่ภายหลังเมื่อการเมืองใน The Continent เริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ วิธีการเล่าเรื่องจึงเน้นไปที่การเมืองของแต่ละฝ่าย ที่มีตัวละครแยกย่อย แยกฝักฝ่ายอีกมาก จนเริ่มเหมือน Game of Thrones เข้าไปทุกที

ปัญหาของ The Witcher Season 3 จึงเป็นเรื่องการเมืองนี่ล่ะ ที่ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะตัวละครซับซ้อน และซีรีส์พยายามเล่าโดยไม่เกริ่นที่มาที่ไป หรือปูพื้นให้รู้จักตัวละครสักเท่าไรนัก ในช่วงครึ่งแรกของซีรีส์ (ราวตอนที่ 2-3) จึงมีความงงอยู่สูงมาก

คลิปย้อนความหลัง Season 1-2 ที่ทำโดย Netflix India เอาไว้ดูก่อนเริ่ม Season 3 แต่ก็เล่าเร็วมาก

พอเรื่องเริ่มขมวดปม ทุกคนไปรวมตัวกันที่ Aretuza ซึ่งภายนอกดูเหมือนตักศิลาแห่งเวทย์มนตร์ ทรงภูมิความรู้ แต่จริงๆ แล้วมันคือรังโจรที่ทุกคนพร้อมหักหลังกันเสมอ เรื่องจึงคืบหน้า เหตุการณ์งานเลี้ยงตอนที่ 4-5 และสงครามไคลแมกซ์ตอนที่ 6 ทำออกมาได้ดีเลย ถึงขั้นควรตัดจบ Season 3 เท่านี้

แต่ทีมงานดูยังไม่พอใจ ในตอนที่ 7-8 จึงเป็นเรื่อง after match ที่นำมาจากหนังสือเล่มถัดไป Baptism of Fire ซึ่งขึ้นองค์ใหม่ ตัวละครแต่ละคนแยกย้ายไปคนละทิศละทาง Ciri วาร์ปไปโผล่ในทะเลทราย (จากเจ้าหญิง Elsa ลุยหิมะตอนแรก กลายเป็นเจ้าหญิง Jasmin ลุยทรายในตอนท้าย), Geralt แพ้หมดรูป ต้องฟื้นฟูร่างกายแล้วหาสมาชิกเข้าปาร์ตี้ไปทำเควสต์ตามหา Ciri, Yennefer รับบทเป็นผู้นำของเหล่าแม่มดที่เหลือ (พ่อมดตายหมดเกลี้ยง) พอเอาเนื้อหาส่วนนี้ที่ควรอยู่ใน Season 4 มายัดลงใน Season 3 จึงดูแปลกๆ ไปอยู่มาก

เว็บไซต์อย่าง Collider ก็วิจารณ์ว่า ผู้สร้างซีรีส์ทิ้งพล็อตหลักเรื่องคอบครัว มาเน้นพล็อตรองการเมือง แต่กลับเล่าเรื่องได้ไม่ดีนัก แรงจูงใจของตัวละครรองๆ ไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไร

ส่วน Netflix เองในฐานะผู้สร้างยังต้องทำบทความ Ending Explainer อธิบายตอนจบของ Season 3 เลยด้วยซ้ำ

ประเด็นอื่นๆ

  • ช่วงแรกๆ ซีรีส์พยายามทำเป็นนิยายนักสืบ ให้คนลุ้นว่าใครคือผู้ร้ายตัวจริง แถมมี cliffhanger ทิ้งไว้ท้ายตอนที่ 5 ก่อนตัดเบรกด้วย แต่คนดูอย่างเราๆ ดูยังไงก็รู้ว่าคนร้ายคือใคร เลยกลายเป็นน่ารำคาญไป และพอเฉลยว่าคนร้ายคือ Vilgefortz เลยยิ่งทำให้สงสัยว่าใช่จริงๆ หรือ ทำไมง่ายจัง หรือพล็อตมันซับซ้อนกว่านั้น (ซึ่งจริงๆ คือพล็อตมีแค่นี้)
  • ในตอนจบที่ Ciri บอกว่าตัวเองชื่อ Falka ก็เชื่อว่าทุกคนงงว่า Falka คือใคร คำตอบคือ Falka เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ของโลก The Witcher โดยเป็นบุตรสาวของพระราชา Redania ในอดีต ที่โดนพ่อทอดทิ้ง จนโกรธแค้นและก่อกบฎต่ออาณาจักร เธอโผล่มาในนิมิตของ Ciri กลางทะเลทราย ซึ่งคาดกันว่าเป็นบรรพบุรุษของ Ciri เพราะมีเลือดเอลฟ์เหมือนกัน

นอกจากนี้ The Witcher Season 3 ยังมีประเด็นนอกเนื้อเรื่องในซีรีส์คือ พระเอก Henry Cavill ตัดสินใจไม่รับเล่นต่อใน Season 4 แล้ว ทำให้แฟนๆ ยิ่งขัดแย้งกันเข้าไปอีก

ทั้งนี้ไม่มีคำอธิบายอย่างเป็นทางการว่าทำไม Cavill ถึงเลิกเล่น แต่เขาก็ให้สัมภาษณ์ชัดว่าอยากให้ The Witcher ฉบับซีรีส์ สอดคล้องกับนิยายต้นฉบับมากกว่านี้

เนื่องจากไม่เคยอ่านฉบับนิยาย เลยลองไปค้นดูว่าซีรีส์กับนิยายมีจุดไหนต่างกันบ้าง ซึ่งพบว่ามีเยอะเลย ที่หลักๆ คือ

  • Yennefer ไม่เคยทรยศ Geralt/Ciri และตัวละคร Deathless Mother ใน Season 2 ไม่เคยมีอยู่ในนิยาย o_O [อ้างอิง] จึงไม่แปลกใจอะไรที่พล็อตเรื่องความขัดแย้งของ Geralt/Yennefer ใน Season 2 ต่อมาจนถึงต้น Season 3 มันดูแปลกๆ ผิดฝาผิดตัวมากๆ
  • Radovid น้องชายของพระราชา Redania ไม่ได้เป็นเกย์ ในนิยายเป็นลูกชายไม่ใช่น้องชาย และมีบุคลิกหัวรุนแรง ถึงขั้นกลายเป็นบอสในเวอร์ชันเกมด้วย [อ้างอิง] การปรับบทให้เขาเป็นคนหงิม มีสัมพันธ์กับ Jaskier แต่ชะตาชีวิตพลิกผันจนได้เป็นพระราชา กลายเป็นสิ่งที่แต่งเพิ่มเข้ามา
  • Teryn หรือ Ciri ตัวปลอม ไม่ได้ผ่านการสร้างความทรงจำด้วยเวทย์มนตร์ของพ่อมด Vilgefortz แต่เป็นแค่เด็กกำพร้าหน้าเหมือน ที่ Vilgefortz นำมาสวมรอยเท่านั้น ในหนังสือ Vilgefortz ไม่ได้มีโรงงานสร้างมนุษย์แต่อย่างใด

พอได้อ่านว่าซีรีส์ดัดแปลงจากต้นฉบับไปเยอะขนาดนี้ (โดยเฉพาะเรื่อง Deathless Mother ตัวละครสร้างขึ้นมาเอง) เลยถึงขั้นอึ้งไปเลยทีเดียวว่าทำไมกล้าทำถึงขั้นนี้