The Witcher: Nightmare of the Wolf เป็นภาพยนตร์อนิเมะ ภาคแยก (spin-off) จากซีรีส์ The Witcher ของ Netflix โดยจับเอาเหตุการณ์ประมาณ 100 ปีก่อนเรื่องในซีรีส์ (ปี 1165 ในอนิเม vs ปี 1263 ในซีรีส์)
[สปอยล์]
ใน The Witcher ซีซัน 2 เราเห็นตัวเอก Geralt เดินทางไปยัง Kaer Morhen ป้อมปราการกลางภูเขาหิมะ ฐานทัพของเหล่า “หมาป่า” Witcher ทั้งหลาย ได้พบกับ Vesemir ซึ่งเป็นอาจารย์ของ Geralt และเพื่อนคนอื่นๆ โดยผู้ชมได้รับทราบว่าในอดีตเคยมีเหตุการณ์โจมตีป้อม Kaer Morhen จนทำให้เหล่า Witcher ล้มหายตายจากกันไปมาก แถมอุปกรณ์และความรู้ที่ใช้สร้าง Witcher หน้าใหม่ๆ ก็พังทลายไปด้วย
ในอนิเม Nightmare of the Wolf เป็นเรื่องของ Vesemir ตอนหนุ่ม และเหตุการณ์ถล่มป้อมที่ว่า โดยเป็นการแต่งเรื่องเพิ่มเข้ามาของทีมสร้าง Netflix เอง (ในฉบับนิยายมีพูดเรื่องนี้นิดหน่อย แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด)
บทของ Nightmare of the Wolf แต่งโดย Beau DeMayo ผู้เขียนบท The Witcher ซีซันแรกตอน Betrayer Moon ด้วย ในแง่ canon ของภาคซีรีส์ก็คงถือว่าเชื่อมโยงกันอย่างถูกต้อง ส่วนงานภาพทำโดย Studio Mir ของเกาหลีใต้ สตูดิโอเดียวกับที่ทำอนิเม Dota: Dragon’s Blood ของ Netflix งานภาพจึงออกมาสไตล์คล้ายกัน
เรื่องของ Nightmare of the Wolf ใช้ Vesemir เป็นตัวเอก เราเห็นชีวิตของ Vesemir ตั้งแต่ตอนเด็ก จนกระทั่งได้มาเป็น Witcher โดยการชักจูงของ Deglan ที่เป็นอาจารย์ของเขาอีกทีหนึ่ง (ถือเป็นอาจารย์ปู่ของ Geralt ซึ่งในฉบับซีรีส์ ก็มีฉากที่ Vesemir พูดถึง Deglan อยู่นิดนึง)
Vesemir เป็น Witcher ที่เก่งในการปราบมอนสเตอร์เพื่อรับเงินค่าจ้าง อย่างไรก็ตาม ในการปราบมอนสเตอร์ที่แคว้น Kaedwen ทางตอนเหนือ (แคว้นเดียวกับที่ตั้งของ Kaer Morhen คือทั้งเรื่องอยู่ในแคว้นเดียวกันหมด) เขาก็เจอกับมอนสเตอร์แปลกๆ ที่ดูฉลาดกว่าปกติ เหมือนกลายพันธุ์หรือมีใครบงการอยู่
ภาพยนตร์ฉบับอนิเมสร้างตัวละครใหม่คือ แม่มด Tetra Gilcrest ซึ่งเป็นแม่มดประจำราชสำนัก Kaedwen ที่มีอิทธิพลต่อพระราชา โดย Tetra มีปมในอดีตที่แม่ของเธอโดน Witcher หลอกจนทำให้เสียชีวิตไป ทำให้เธอเกลียดเผ่า Witcher มากและหาโอกาสตามจับอยู่เสมอ
เหตุการณ์มอนสเตอร์ลึกลับทำให้ Vesemir และ Tetra ต้องร่วมมือกันตามหาร่องรอยของมอนสเตอร์ สุดท้ายไปพบว่าสาเหตุมาจากเอลฟ์ชื่อ Kitsu ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมโดย… Witcher อาจารย์ของพวกเขาเอง ด้วยเหตุผลว่ามอนสเตอร์มีจำนวนน้อยลง จึงต้องสร้างมอนสเตอร์เข้ามาป้อนในตลาดให้ยังมีคนจ้าง Witcher ต่อไป (ตรงนี้มี Filavandrel ผู้นำของเผ่าเอลฟ์ที่มีบทในภาคซีรีส์โผล่มาด้วยนิดหน่อย)
หลังจากนั้น Tetra เลยผนึกกำลังกับ Kitsu ไปเอาคืนพวก Witcher ถึงถิ่น Kaer Morhen ด้วยกรรมวิธีที่น่าสนใจคือ ใช้พลังเปิดพอร์ทัลของแม่มด ลากมอนสเตอร์ในสังกัดของ Kitsu วาร์ปมาถล่มเหล่า Witcher ด้วยจำนวนที่เหนือกว่า ซึ่งสุดท้าย Kaer Morhen ก็พังพินาศแบบที่เห็นในซีรีส์ เหลือเพียง Vesemir ที่รอดมาได้ กับเด็กๆ ที่จะกลายมาเป็น Witcher รุ่นสุดท้ายอย่าง Geralt, Eskel, Lambert เป็นต้น
ในบทสัมภาษณ์ผู้เขียนบท DeMayo ได้เล่าถึงความแตกต่างของซีรีส์กับอนิเม ว่าอยู่ที่ใครเลี้ยงใคร (มุมมองของ DeMayo เหมือนผมเลยที่บอกว่า The Witcher เป็นหนังครอบครัว)
“The Witcher is about family. It’s about Geralt raising Ciri, it’s about Yennifer raising Ciri,” DeMayo says referring to the arc of the next Witcher season. “[This anime] is a question of who raised Geralt?”
ส่วนบุคลิกของ Witcher ทั้ง 3 รุ่นก็ตามนี้
“Vesemir is the Casanova, [as] Geralt is the no-nonsense bruiser,” DeMayo says. “Deglan is the mighty.”
โดยรวมแล้ว Nightmare of the Wolf ถือเป็นอนิเมที่จบในตัวดี ดูเป็นภาคแยกแบบเดี่ยวๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องดูฉบับซีรีส์มาก่อน (แต่จะได้อรรถรสกว่าถ้าสามารถเชื่อมโยงเรื่องกันได้เพิ่ม) ปมเรื่องเป็นการต่อสู้กันระหว่างความดีความเลวแบบที่แบ่งได้ไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรนักถ้ามองในแง่ภาพยนตร์เดี่ยวๆ
งานภาพถือว่าคงเส้นคงวามีมาตรฐาน (แม้ไม่สวยถึงขั้น Arcane) การเล่าเรื่องมีการขมวดปมได้ลงตัวดี