The Hunt for Red October “ล่าตุลาแดง” เป็นนิยายเรื่องแรกของ Tom Clancy ที่ออกตีพิมพ์ในปี 1984 และสร้างชื่อให้เขาอย่างมากในฐานะนักเขียนนิยายแนวสงคราม สายลับ (มีชื่อเรียกหมวดหมู่ว่า techno-thriller) ถึงขนาดว่าประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ในตอนนั้นก็บอกว่าชอบนิยายของเขา
The Hunt for Red October ยังเป็นนิยายเล่มแรกในจักรวาล Jack Ryan / Ryanverse ที่ขยับขยายต่อมาอีกมากมาย และถูกนำไปดัดแปลงเป็นหนัง-ซีรีส์อีกมากด้วย (เคยเขียนถึงหนังภาค Shadow Recruit) บล็อกนี้จะเขียนถึงหนัง The Hunt for Red October ฉบับปี 1990
ในฐานะแฟนนิยายของ Clancy ก็ต้องบอกว่า The Hunt for Red October ถือเป็นนิยายที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งของเขา เหตุผลเป็นเพราะพล็อตเรื่องที่สดใหม่น่าติดตาม บวกกับเซ็ตติ้งยุคสงครามเย็นที่มีเสน่ห์กว่าการก่อการร้ายยุคหลังมาก (ช่วงหลัง Clancy เองก็คงหมดมุข ทำให้นิยายตระกูล Ryanverse มันพล็อตซ้ำๆ ซากๆ แล้ว แต่ช่วงแรกยังสดใหม่อยู่)
ตัวโครงเรื่องของ The Hunt for Red October สนุกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต้องยกนิ้วให้คนคิดพล็อตมากๆ
- โซเวียตมีเรือดำน้ำรุ่นใหม่ล่าสุดชื่อ Red October มีเทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบใหม่ชื่อ caterpillar drive ที่เสียงเงียบมาก ซึ่งสำคัญมากในโลกของยุทธการใต้น้ำที่มองกันไม่เห็น และตามหากันด้วยเสียง
- เรือ Red October มีกัปตันคือ Marko Ramius ซึ่งเป็นกัปตันชื่อดังของโซเวียต เป็นฮีโร่ของประเทศ มีเกียรติภูมิมากมายในกองทัพเรือ มีลูกศิษย์มากมายในกองทัพ
- ในการเดินเรือครั้งแรกของ Red October กัปตัน Ramius ดำดิ่งลงไปใต้ทะเล บอกลูกเรือว่านี่คือการซ้อมรบ เราต้องทำให้พวกเรากันเองตามหาเราไม่เจอ จากนั้นเราจะไปโผล่ที่ชายฝั่งอเมริกาเพื่อหยามศัตรูกันถึงถิ่น แต่ในขณะเดียวกัน Ramius ก็ส่งจดหมายถึงผู้บัญชาการกองทัพเรือ บอกว่าเขาจะกบฎ ย้ายข้างไปเข้ากับอเมริกา ด้วยเหตุผลว่าไม่พอใจที่ภรรยาของเขาตายเพราะลูกหลานของนักการเมืองโซเวียต ที่เอาผิดไม่ได้
- โซเวียตจึงต้องส่งกองเรือทั้งหมดออกมาในแอตแลนติก เพื่อตามล่า Red October กลับมา หรือไม่ก็จมเรือเพื่อไม่ให้อเมริกาได้เทคโนโลยีไป แต่ก็น้ำท่วมปาก ไม่สามารถบอกอเมริกาได้ว่าเหตุผลจริงๆ คืออะไร
- ฝั่งอเมริกา ที่ Jack Ryan เจ้าหน้าที่ CIA ซึ่งตามเรื่องเรือ Red October อยู่ก่อน ค้นพบว่าเรือ Red October อยากย้ายประเทศ จึงต้องพยายามตามล่า Red Octoer เพื่อเอาเรือมาเป็นสมบัติของประเทศ ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องไม่ให้โซเวียตรู้ด้วยว่าอเมริกาได้เรือไป
เงื่อนไขการตามล่าเรือดำน้ำที่เงียบที่สุดในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ระหว่างสองมหาอำนาจของโลก โดยต่างฝ่ายก็ต้องปกปิดความจริงซึ่งกันและกัน จึงเป็นพล็อตเรื่องที่สนุกมากในตัวเองอยู่แล้ว
พอถูกนำมาดัดแปลงเป็นหนัง โครงเรื่องจึงยังสนุกอยู่ แม้ต้องรวบรัดเรื่องให้กระชับกว่าเดิมมาก (ในหนังสือมีเวลาปูพื้น เวลาบิ้วเรื่องนานกว่ามาก) โปรดักชันก็ทำออกมาได้ดีตามยุคสมัยปี 1990 ทั้งฉากภายในเรือดำน้ำ (สร้างฉากขึ้นมาในโรงถ่าย) ฉากเรือดำน้ำในทะเล (ใช้หุ่นจำลอง + CG นิดหน่อยตอนยิงตอร์ปิโด) และฉากที่ถ่ายทำกันจริงๆ บนเรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกา โดยเฉพาะฉากที่เฮลิคอปเตอร์พา Jack Ryan บินไปลงเรือดำน้ำที่ลอยลำรออยู่ ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย ก็ทำออกมาได้ดีมากเลย
นักแสดงในเรื่องก็เล่นกันได้ดีในภาพรวม จะมีตินิดหน่อยคือกัปตัน Ramius ที่ได้ Sean Connery มาเล่นกลับบทบาทน้อยไปหน่อย ไม่ได้โชว์พลังการแสดงมากนัก นอกจากนี้ในเรื่องยังมีนักแสดงชาวสวีเดน Stellan Skarsgård สมัยยังหนุ่ม มารับบทเป็นกัปตันเรือรัสเซียอีกลำที่ตามล่า Red October ด้วย (ออกมาตอนท้าย) ก็น่าตื่นตาที่ได้เห็นบทของเขายุคแรกๆ ก่อนมาดังในยุคหลังกับ Thor หรือ Andor
ตัวละครบางตัวที่เราเห็นในหนัง ยังมีบทบาทต่ออีกมากใน Ryanverse เช่น นายพลเรือ James Greer เจ้านายของ Ryan และรองผู้อำนวยการ CIA, นายพล Bart Mancuso กัปตันเรือ Dallas ภายหลังขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิก เป็นต้น
เกร็ดเล็กๆ ที่น่าสนใจของหนังคือ ตอนแรกผู้สร้างไม่แน่ใจว่าจะได้รับอนุญาตจากกองทัพเรือให้เข้าไปถ่ายทำรึเปล่า แต่ปรากฏว่ากลายเป็นงานง่ายเลย เพราะ 1) นายทหารเรือเป็นแฟนหนังสือด้วยเหมือนกัน และ 2) ความดังของ Top Gun หนังปี 1986 ทำให้อาชีพนักบินกองทัพอากาศกลายเป็นสิ่งที่เท่มาก กองทัพเรือเลยอยากมีหนังของตัวเอง เพื่อขยายภาพลักษณ์บ้าง
หมายเหตุ: ในหนังมีตัวละครชื่อ Putin ด้วย ตอนมีชื่อโผล่มาครั้งแรกก็สะดุ้งเลย แต่จริงๆ เป็นความบังเอิญอยู่แล้ว เพราะหนังสือ-หนังถูกสร้างก่อนสงครามเย็นจบลงด้วยซ้ำ