in Football

Remembering One Kick

เปิดมาเจอคลิปล้อเลียนใน Bleacher Report ที่สมมติว่านักฟุตบอลดังๆ กลายมาเป็นคนส่งของ แต่ละคนมีลีลาการส่งของอย่างไร ซึ่งก็มีทั้ง Neymar (ลีลาสวยงาม), De Bruyne (ถวายพาน), Mbappe (ว่องไว), Diego Costa (ดุดัน), Sergio Ramos (กระโดดถีบ)

https://twitter.com/brfootball/status/1275416632538660864

ที่ดูแล้วตอนแรกตามไม่ทันนิดนึงคือ Trent Alexander-Arnold ที่เดินออกแล้วหันกลับมาเตะ เนื่องจากไม่ใช่แฟนลิเวอร์พูลเลยนึกไม่ออกว่าลูกไหน แต่ยุคนี้มี YouTube ก็ไม่ยากนัก ใช้เวลาไม่นานก็นึกออกว่าเป็นลูกฟรีคิกที่ยิงชนะบาร์เซโลนา 4-0 (สกอร์รวมเป็น 4-3) ถือเป็นหนึ่งในการคัมแบ็คที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล (แต่ส่วนตัวยังให้เป็นรอง Spurs ยิง Ajax 3 ลูกรวดในเวลาสั้นกว่าคือครึ่งหลัง แถมยิงนอกบ้านด้วย)

เจอมุกนี้เลยนึกถึงว่า คนเราจะเป็นที่จดจำจากเรื่องเพียงเรื่องเดียวที่สร้างผลกระทบยิ่งใหญ่จริงๆ อย่างเคสของ Trent ถึงแม้ลงเตะมากมายหลายร้อยนัด ผ่านไปอีกหลายปี คนก็คงจดจำเขาได้จากลูกเตะมุมลูกนี้

เช่นเดียวกับ Lucas Moura ผู้ที่ยิงแฮตทริกให้สเปอร์สโกงความตาย พลิกชนะอาแจกซ์ได้สำเร็จ ทุกคนคงจดจำเขาได้จากการยิงแฮตทริกครั้งนี้เพียงเท่านั้น (ฤดูกาลถัดมาคือ 2019-2020 เขายังยิงไปแค่ 7 ลูกรวมทุกลีก-ถ้วย นับถึงวันที่เขียนบล็อกนี้)

ในฐานะกองเชียร์ดอร์ทมุนด์ ครั้งสุดท้ายที่ชนะ UEFA Champions League คือฤดูกาล 1997 ที่เข้าไปเจอกับจูเวนตุสสุดแกร่งของยุคนั้น ทีมนำอยู่ 2-0 จากการโหม่งของ Karl-Heinz Riedle แต่ก็เจอลูกไขว้ขาของอัจฉริยะแห่งยุค Alessandro Del Piero ไล่ขึ้นมาเป็น 2-1

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ดอร์ทมุนด์ก็เปลี่ยนเอาดาวรุ่ง Lars Ricken ที่อายุตอนนั้นเพียง 21 ปีลงมา จังหวะที่วิ่งลงสนาม เพื่อนร่วมทีมแย่งบอลได้และโต้กลับ โยนยาวมาให้ Ricken แตะบอลครั้งแรกแล้วเป็นประตู (สถิติคือ 16 วินาทีหลังถูกเปลี่ยนตัวลงมา) ความหวังของจูเวนตุสก็ดับสูญไป

ในฐานะนักฟุตบอลอายุ 21 ปี คุณได้ยิงประตูสำคัญใน Champions League นัดชิงชนะเลิศด้วยการแตะบอลครั้งเดียว คงไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว

หลังจากนั้น Ricken เตะบอลต่อมาอีก 10 ปี จนถึงปี 2007 ก็เลิกเล่นฟุตบอลเพราะบาดเจ็บเรื้อรัง เขาได้ร่วมศึกฟุตบอลโลก 2002 ในฐานะตัวแทนทีมชาติเยอรมัน (ที่ทะลุเข้าถึงรอบชิง แต่แพ้บราซิล) ใส่เสื้อเบอร์ 10 ของเยอรมัน แต่กลับไม่ได้ลงสนามเลย

Ricken เป็นนักเตะที่เก่งในระดับหนึ่ง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ที่โลกจดจำจากฟอร์มในภาพรวม (อย่าง Messi หรือ Ronaldo) แต่โลกก็ยังจำเขาได้เสมอจากการแตะโดนลูกบอลในครั้งนั้น

แต่สุดยอดที่สุดของ “เตะ 1 ครั้งเปลี่ยนชีวิต” ก็คงไม่มีใครเกิน Mario Goetze ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2014 ที่การแตะบอลเข้าฮอสของเขา สร้างเกียรติประวัติอันยิ่งใหญ่มากมายให้กับตัวเอง เพื่อนร่วมทีม และประเทศชาติ

แต่หลังจากนั้นมา ก็ไม่มีใครจดจำ Goetze ได้อีกเลย