ช่วงประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา เกิดอาการเบื่อข่าวสารบ้านเมืองของไทย และเบื่อข่าวสารวงการ AI (เยอะเกิน 555) เลยหันไปศึกษาวิชา quantum physics ในยามว่างแทนครับ (ซึ่งส่วนใหญ่คือเวลาขับรถ)
ถามว่าศึกษาไปทำไม ไม่รู้เหมือนกัน มีประโยชน์อะไรกับงานการไหม ก็น่าจะไม่ เอาเป็นว่าเราเรียนเพื่อรู้ เรียนเอาสนุกพอ
ความรู้ฟิสิกส์ตามระบบของผมสิ้นสุดลงที่วิชาฟิสิกส์ตอนเรียนปี 1 ซึ่งก็ไม่ได้สอนเรื่อง quantum ละเอียดนัก หลังจากนั้นก็ไม่เคยเรียนรู้อะไรจริงจังอีกเลย อย่างมากก็ได้ยินคำศัพท์ผ่านๆ อย่างพวก quark, spin, gluon, entanglement แต่ถ้าให้อธิบายแบบละเอียดลึกซึ้งก็คงไม่สามารถทำได้ ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจเสมอมา
โชคดีว่าการเรียนในโลกยุคนี้สะดวกสบายขึ้นมาก เราสามารถหาวิดีโออธิบาย-สอนเรื่องราวของทุกสรรพสิ่งได้บน YouTube และเท่านั้นยังไม่พอ หากสงสัยอะไร ก็ถาม AI ให้ช่วยอธิบาย (rephrasing) ได้ทันที ไม่ต้องไปกลัวโชว์โง่ถามบน forum ต่างๆ อย่างพวก Quora อีกต่อไป ซึ่งผมว่าการจับคู่ระหว่าง “ฟังบรรยายก่อน แล้วถาม AI คลายสงสัย” เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ดีมาก
ช่วงแรกผมใช้วิธีฟังคลิปสอน quantum physics ที่เป็นภาษาอังกฤษ สอนหัวข้อต่างๆ ที่สำคัญ เช่น Standard Model, Higgs Boson, Hawking Radiation ฯลฯ ค้นพบช่องและคลิปดีๆ หลายอัน (เช่น การบรรยายของ Brian Cox ที่เคยเขียนถึงไปแล้ว) ที่อธิบายเรื่องยากๆ ได้เข้าใจง่ายมาก
แต่ฟังไปสักพักเกิดความสงสัยว่า แล้วมีคอนเทนต์ quantum physics ที่เป็นภาษาไทยด้วยหรือไม่ ซึ่งก็ค้นพบว่ามีช่องดังหลายช่องที่หันมาทำคลิปเรื่องนี้ เช่น ช่อง BT ที่นำน้องเฌอปรางมา, ช่อง Good Day ที่ดังเรื่องอื่นอยู่แล้ว
แต่ที่ทำออกมาได้ดีแบบ surprise จนต้องมาแนะนำกัน คือ รายการของ ThaiPBS Podcast ที่เชิญ อ.บัญชา ธนบุญสมบัติ จาก สวทช. มาสอนเรื่องนี้ครับ
ผมเคยอ่านงานของ อ.บัญชา อยู่ก่อนแล้วจากหนังสือเกี่ยวกับปรากฏการณ์เมฆ แต่ก็เพิ่งทราบว่า อ.บัญชา เชี่ยวชาญเรื่อง quantum และ particle physics นี่แหละ 555 (ไปอยู่ที่ไหนมา!)
พอเจอคนรู้จริงมาจัดรายการ จึงมีเกร็ดประวัติศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์มากมายมาเล่าให้ฟังกัน ไม่ว่าจะเป็นประวัติชีวิตของนักวิทยาศาสตร์สำคัญแต่ละคน ไปจนถึงดราม่ารุ่นเฮฟวี่ระหว่างไอน์สไตน์กับนีล โบหร์
(แถมช่วงนี้ผมเพิ่งดู Oppenheimer จบไปเป็นครั้งแรกพอดีเพราะเพิ่งเข้าใน Netflix เลยอินกับนักวิทยาศาสตร์ร่วมสมัยนี้เป็นพิเศษด้วย)
ใจความสำคัญที่ อ.บัญชา เล่าให้ฟังในรายการ ผมคิดว่ามี 2 เรื่อง
อย่างแรกคือ อ.บัญชา บอกว่า quantum physics มันเป็น “งานกลุ่ม” คือแต่ละชิ้น แต่ละปรากฏการณ์ ถูกคิดและพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์หลายคน ต่างคนต่างทำ แล้วค่อยๆ เอามาเชื่อมต่อกัน
ตรงนี้แตกต่างจากทฤษฎีสัมพัทธภาพที่เรียกได้ว่าเป็น “งานเดี่ยว” ของไอน์สไตน์คนเดียวก็ว่าได้
แต่ quantum ต่างออกไป ดังนั้นเราควรเข้าใจประวัติและวิวัฒนาการของ quantum ด้วยว่ามันเกิดขึ้นมาอย่างไร ค่อยๆ พัฒนาอย่างไร เพื่อให้เห็นบริบท ไม่ใช่ไปเรียนแต่ตัวทฤษฎีอย่างเดียว
อย่างที่สองคือ แวดวงวิชาการ quantum แยกเป็น 2 ยุคใหญ่ๆ ซึ่ง อ.บัญชาเรียกว่ายุค 1.0 กับ 2.0
quantum physics 1.0 เกิดขึ้นช่วงปี 1900 พอดี โดยงานของนักฟิสิกส์ 2 คนคือ Max Planck และไอน์สไตน์เอง (จากเรื่อง photoelectric ที่เราเคยเรียนกันในฟิสิกส์ ม.ปลาย) แม้ไอน์สไตน์เกลียด quantum แต่จริงๆ แล้วเขาก็เป็นหนึ่งในบิดาแห่ง quantum ด้วย (แม้ตอนนั้นยังไม่มีคำเรียกว่า quantum เลยด้วยซ้ำ)
quantum physics 2.0 หรือที่เรียกว่า quantum mechanics เกิดขึ้นในปี 1925 โดยงานของนักฟิสิกส์ 3 คน คือ Werner Heisenberg, Paul Dirac, Erwin Schrödinger ที่ต่างคนต่างทำ ค้นเจอวิธีคำนวณต่างกัน แต่สุดท้ายพบว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน
(นอกจากนี้ยังมีนักวิทยาศาสตร์อื่นๆ อีกมาก ซึ่งรวมถึง Oppenheimer ด้วย แต่คนหลักคือ 5 คนนี้)
ปี 1925 ถือเป็นปีทองแห่ง quantum mechanics ทำให้ปีนี้ 2025 กลายเป็นการฉลองครบ 100 ปีแห่ง quantum mechanics พอดีด้วย ช่วงนี้จึงมีคอนเทนต์ด้าน quantum ออกมาเยอะเป็นพิเศษ
อ.บัญชา เองก็ถือโอกาสทำคลิปซีรีส์ใหม่ในรายการ Eureka ของ ThaiPBS เล่าเรื่องนี้ใหม่อีกรอบด้วยเช่นกัน รอบนี้เป็นคลิปวิดีโอมีภาพประกอบสวยงาม ไม่ได้มีแต่เสียงอย่างเดียว
แต่ผมผู้ฟังทั้งสองแบบครบแล้ว แนะนำว่าฟังเวอร์ชันเสียงที่เป็น podcast สนุกกว่า มันส์กว่า เหมือนฟังนักวิทยาศาสตร์มานั่งเมาท์ให้ฟัง
คลิป podcast มีด้วยกันหลายตอน แต่ตอนที่เป็นแกนหลักๆ เล่าประวัติศาสตร์ quantum มี 3 ตอน ใครที่หาอะไรฟังเพลินๆ ตอนรถติดๆ ก็อยากแนะนำให้ฟังกัน ฟังจบ 3 ตอนนี้แล้วรับรองได้ว่าจะเข้าใจเรื่อง quantum เพิ่มขึ้นอีกเยอะมาก
ตอนเสริม เผื่อว่าใครฟังแล้วยังไม่จุใจ
ส่วนเวอร์ชันคลิปมีภาพประกอบ มันออกเป็นการบรรยายในห้องเรียนมากไปหน่อย แต่ถ้าใครชอบแบบดูให้เห็นภาพ จะดูเวอร์ชันนี้ก็ไม่ผิดอะไร เพราะเป็นเรื่องเล่าชุดเดียวกัน
หมายเหตุ: อ.บัญชา มาตอบในคอมเมนต์ แนะนำให้ฟังตอนของ Pauli ต่อด้วย