ในโลกไอทียุคปี 2010s มีประโยคทองประโยคหนึ่งว่า Software is Eating the World ที่พูดโดย Marc Andreesen ซึ่งเป็น VC ชื่อดัง ในความหมายว่ากระบวนการทำงานในทุกอุตสาหกรรม (ไม่ว่าจะโบราณแค่ไหน) จะถูกขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ ดังนั้นเราจึงมาลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัพสายเทคกันเถิด เพราะมีโอกาสเติบโตแน่ๆ อยู่แล้วในภาพรวม (ส่วนจะลงทุนถูกตัวไหม ในรายละเอียดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
เวลาผ่านมาประมาณสิบปี คำพูดของ Andreesen ถูกต้อง และกลายเป็นสิ่งที่เราเรียกกันว่า Digital Transformation ที่ใช้กันจนเฝือในยุคนี้
บล็อกตอนนี้อยากขอยืมประโยคมาใช้ โดยเปลี่ยนเป็นว่า Mobile Gaming is Eating the World โลกเบื้องหน้าจะถูกผลักดันด้วย “เกมมือถือ”
วิวาทะสำคัญของวงการเกมในช่วงหลังๆ คือ แฟนเกมรุ่นเก่ามักหงุดหงิดที่ค่ายเกมรุ่นเก่า หันมาทำเกมเอาใจคนเล่นเกมบนมือถือ มากกว่าเกมคอนโซลหรือพีซีแบบดั้งเดิม
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ Diablo Immortal ที่โดนถล่มยับ เพราะความคาดหวังของแฟนเกม Diablo ที่โตมาตั้งแต่ยุค Diablo 1-2 ก็คือต้องการเกม Diablo บนพีซีเหมือนเดิม (แม้ภายหลังมี Diablo 4 เปิดตัวตามมาก็ตาม)
แต่แฟรนไชส์เกมอื่นๆ ก็หนีไม่พ้นความจริงอันนี้เหมือนกัน อีกตัวอย่างหนึ่งคือ Final Fantasy ที่เพิ่งประกาศทำภาคย่อยของภาค 7 เป็น Battle Royale แบบ free-to-play บนมือถือ ก็สะท้อนทิศทางของตลาดเกมเมอร์รุ่นใหม่อีกเช่นกัน
หรือถ้าเอาตัวอย่างที่ทำสำเร็จไปแล้วคือ Call of Duty: Mobile ของค่าย Activision Blizzard เหมือนกัน ก็ประสบความสำเร็จอย่างมากในแง่รายได้ (จริงๆ แล้วทิศทางของ CoD ถือว่าน่าสนใจมากในแง่การปรับตัว ทั้งการทำเกม Warzone ที่เป็น free-to-play บนพีซี/คอนโซล และ Mobile บนมือถือ) หรือเคสของ Mario Kart Tour ก็ใช่อีกเช่นกัน
ส่วนตัวแล้ว ผมเป็นเด็กรุ่นเก่าที่เติบโตมากับเกมบนคอนโซลและพีซีเช่นกัน ถามว่าตอนนี้เเล่นเกมมือถือมั้ย ก็คือไม่ และเลือกจะเล่นคอนโซลหรือพีซีมากกว่า แต่ก็ต้องยอมรับความจริงของโลกว่า มันเป็นยุคสมัยของเกมมือถือเรียบร้อยแล้ว ตลาดใหญ่กว่าคอนโซลมาก เข้าถึงเกมเมอร์จำนวนมากกว่ามาก และทำเงินได้เยอะกว่ามาก
วันนี้มาเจอตัวเลขของ App Annie เป็นสิ่งที่ตามหามานาน ก็ชัดเจนดี period