ภาพจาก JPMorgan Chase
ถ้าพูดถึงซีอีโอของบริษัทด้านการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก คนที่คาแรกเตอร์และชื่อเสียงนำหน้าคนอื่นๆ มาไกลคือ Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan Chase ซึ่งถือเป็นธนาคารอันดับ 1 ของโลกตะวันตก (อันดับ 1 ของโลกถ้าไม่นับธนาคารจีน)
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Dimon โด่งดังนอกวงการธนาคารพอสมควร เพราะเขาเป็นคนที่ออกมาวิจารณ์ cryptocurrency อยู่เรื่อยๆ (เรียกว่าเป็นหัวหอกของผู้ไม่มีศรัทธา) เลยโดนผู้มีศรัทธารุมถล่มอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน
แต่ถ้าถามว่าชีวิตของ Dimon เป็นอย่างไร นอกจากการเป็นซีอีโอแบงค์ใหญ่ และเป็น “พวกนอกศาสนา” แล้ว ผมก็ไม่รู้จักชีวิตของเขามากเท่าไรนัก ด้วยเหตุผลว่าอยู่กันคนละอุตสาหกรรม (ถ้าเป็นซีอีโอสายไอทีนี่แทบไล่ประวัติชีวิตได้หมด)
พอมีโอกาสได้มาอ่านประวัติของ Dimon เรื่องการโดนไล่ออกใน CNBC ก็พบว่า ว้าวซ่ามาก ไม่แพ้สตีฟ จ็อบส์เลยทีเดียว เพราะแกเคยโดนไล่ออกจาก Citigroup ด้วยฝีมือของอาจารย์ตัวเอง ก่อนคัมแบ็คกลับมาได้อีกครั้งจนได้เป็นซีอีโอของบริษัทการเงินที่ใหญ่กว่า Citi ด้วยซ้ำ
สรุปชีวิตของ Dimon แบบสั้นๆ คือ เกิดมาในครอบครัวฐานะค่อนข้างดีในนิวยอร์ก (ครอบครัวเป็นเชื้อกรีก) พ่อและปู่ทำงานในธนาคาร-โบรกเกอร์ชื่อ Shearson สมัยเรียนมหาลัย เขาเลยทำรายงานเรื่อง Shearson แม่เลยส่งไปให้ Sanford I. Weill หรือ Sandy Weill ผู้บริหารของ Shearson อ่าน เขาเลยได้ฝึกงานกับ Weill ที่ Shearson
Weill นี่ล่ะที่กลายเป็นอาจารย์ของเขา สายสัมพันธ์เหมือนกับ Master-Padawan เลยด้วยซ้ำ และ Weill เองอีกเหมือนกันที่กลายเป็น “อาจารย์ล้างศิษย์” ในเวลาต่อมา
หลังจาก Dimon เรียนจบ ป.โท ปี 1982 เขาก็มาทำงานกับ Weill ที่ตอนนั้นย้ายมาอยู่ American Express (เพราะ American Express ซื้อ Shearson) จนกระทั่ง Weill ลาออกในปี 1985 ตัวของ Dimon ก็ลาออกตาม
ปี 1986 สองอาจารย์-ศิษย์ ไปเทคโอเวอร์ธนาคาร Commercial Credit มาปั้นจนโด่งดัง แล้วไล่ซื้อกิจการมาเรื่อยๆ การซื้อครั้งสำคัญคือซื้อบริษัทประกัน Travelers ในปี 92 และซื้อ Shearson (กลับมาจาก Amex) ในปี 93
อาณาจักร Travelers Group ของ Weill ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ จนเส้นทางชีวิตมาควบกิจการกับ Citibank กลายเป็น Citigroup ในปี 98 ถือเป็นดีลบันลือโลกในยุคนั้น
ตอนนั้น Dimon อายุ 42 ถือว่าขึ้นมาอยู่เกือบจุดสูงสุดของอาชีพนักการเงินแล้ว ทุกคนรู้ว่าเขาคือผู้สืบทอดของ Weill และจะกลายเป็นราชาแห่งโลกการเงินคนต่อไป
แต่ไม่นานหลังตั้งอาณาจักร Citigroup เสร็จเรียบร้อย ในปี 1998 เหมือนกัน Weill ก็ขอให้ Dimon ลาออก หลังทำงานร่วมกันมานาน 15-16 ปี
แน่นอนว่า Dimon ย่อมช็อคกับคำขอนี้ เขาเล่าว่ามีสัญญาณบอกหลายอย่าง แต่เขามองไม่เห็น จนกระทั่ง Weill มาบอกให้ลาออก
หลังจากนั้น Dimon ก็ออกมาอยู่ว่างๆ อยู่พักใหญ่ๆ เลียแผลตัวเอง อ่านหนังสือประวัติชีวิตผู้นำโลกว่าผ่านช่วงเวลาตกต่ำกันอย่างไร ไปฝึกชกมวยเพื่อคลายเครียดจากความว่างเกินไปในแต่ละวัน เขาไปสัมภาษณ์งานหลายที่ รวมถึงมีโอกาสไปทำงานกับ Amazon ที่ตอนนั้นเพิ่งเริ่มกิจการได้ไม่นานด้วย แต่สุดท้ายไม่เอาเพราะตัดสินใจว่าอยากอยู่ในโลกการเงินต่อไปมากกว่า
ในปี 2000 Dimon ไปเป็นซีอีโอของธนาคารขนาดกลางชื่อ Bank One ที่ผลประกอบการขาดทุน เขาใช้เวลา 3 ปีพลิกฟื้นมาทำกำไรมหาศาล จนปี 2004 JPMorgan Chase มาซื้อกิจการ ดึง Dimon ไปนั่งเป็นซีโอโอ และหลังจากนั้นไม่นาน Dimon ก็ก้าวขึ้นมาเป็นซีอีโอของ JPMorgan ในปี 2005 กลายเป็นผู้นำของอาณาจักรการเงินที่ใหญ่กว่า Citigroup ของ Weill ซะอีก
ฝั่งของ Weill ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของ Citigroup ในปี 2003 และประธานบอร์ดในปี 2006 แล้วเกษียณอายุ
Dimon เล่าว่าหลังจากโดน Weill ไล่ออกประมาณหนึ่งปี เขาหายโกรธแล้ว จึงนัดไปกินข้าวปรับความเข้าใจกัน หลังจากนั้นครึ่งปี เขาจึงไปนั่งเป็นซีอีโอของ Bank One ถือเป็นการกำเนิดใหม่ของตัวเขาอีกครั้ง