in Movies

Arcane Season 2

warning: สปอยล์เนื้อหาของซีรีส์

ดูจบมาสักพักแล้วเพิ่งว่างมาเขียน ภาคต่อของ Arcane Season 1 หลังจากใช้เวลาห่างหายไปทำ Season 2 นานถึง 3 ปี จนได้ชื่อว่าเป็นโครงการแอนิเมชันที่ใช้ต้นทุนสร้างสูงสุด

หลังจากปูทางความขัดแย้งระหว่างคู่ตัวละครพี่สาวน้องสาวคือ Vi และ Powder/Jinx และความขัดแย้งทางชนชั้นระหว่างสองนคร Piltover และ Zaun มาในซีซั่นแรก ก่อนจบลงด้วยฉาก cliffhanger คือ Jinx ยิงจรวดใส่ที่ประชุมสภาของ Piltover แล้วปล่อยให้ค้างกันมาสามปี

เนื้อหาใน Season 2 เริ่มจากการสะสางความวุ่นวายของฝั่ง Piltover ที่มีสมาชิกสภาตายไปหลายคน ส่งผลให้ Caitlyn ถูกดันขึ้นมาเป็นผู้นำหน่วยตำรวจเพื่อปราบปรามความไม่สงบจากฝ่าย Zaun และตามหาอาชญากรคนสำคัญคือ Jinx โดยที่มี Vi เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมตำรวจด้วย ในขณะที่ Jinx ผู้ที่ควรมีบทบาทเป็น “ฮีโร่” ของ Zaun กลับหายตัวไปอยู่ในซอกหลืบที่ไม่มีใครตามตัวเจอ และเจอกับเพื่อนใหม่ Isha ที่เปรียบเหมือนน้องสาวของเธอ ทำให้เธอได้รองรับบทเป็นพี่สาวดูบ้าง

ช่วงแรกๆ ของ Season 2 ยังคงปมเรื่องความขัดแย้งระหว่าง Vi/Jinx และ Piltover/Zaun แต่พอกลางๆ เรื่องก็ขยายความขัดแย้งให้ไกลกว่านั้น ไปสู่ตัวละครอื่นและฝ่ายอื่นๆ ด้วย

เส้นเรื่องของ Mel ที่มีปมรัก-เกลียดกับแม่แท้ๆ ของเธอคือ Ambessa ขุนศึกคนสำคัญของจักรวรรดิ Noxian ยิ่งทวีความซับซ้อน เพราะ Ambessa มีเป้าหมายลับๆ ในการยึดอำนาจของ Piltover แต่ในอีกทาง Mel ก็โดนโจมตีจากฝ่ายแม่มด Black Rose ที่ต่อสู้กับฝ่าย Noxian มายาวนาน ตรงนี้ในซีรีส์เล่าเรื่องค่อนข้างงง ต้องไปอ่านเพิ่มว่า Black Rose เป็นอีกฝ่ายสำคัญในจักรวาล LoL แต่ในซีรีส์ไม่ได้พูดถึงมากนัก จู่ๆ ก็โผล่มาเลย

Ambessa เป็นตัวละครที่เจ๋งมาก แข็งแกร่ง โดดเด่น เทพีสงครามตัวจริง และถึงขั้นได้เป็นตัวละครจากซีรีส์ที่ได้เข้าไปอยู่ในเกม LoL ด้วย

คู่ของนักประดิษฐ์ Jayce และ Viktor ก็มีความงงสูงเช่นกัน เพราะจักรวาลอวกาศจิตวิญญาณมากๆ ฝั่งของ Victor ผู้รวมร่างกับ Arcane กลายเป็นมนุษย์ร่างเหล็ก (หน้าตาเหมือนในเกมแล้ว) ที่มีพลังเหนือมนุษย์แบบโอเวอร์มากๆ และเล่นบทพระผู้นำสาร (Herald) มาโปรดคนชั้นล่างผู้น่าสงสารใน Zaun

ข้อติอีกอย่างของ Arcane Season 2 คือเล่ารายละเอียดของพลังวิเศษ Arcane (ตามชื่อเรื่อง) น้อยไปสักหน่อย เรารู้ว่ามันคือพลังพิเศษบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ แต่ที่มาที่ไปของมัน ข้อจำกัด กลไกการทำงานของมันคืออะไร ต่อให้ดูจนจบแล้ว เรากลับแทบไม่เข้าใจมันเลย

นอกจากนี้ยังมีเส้นเรื่องของ Ekko ที่หลุดเข้าไปในจักรวาลคู่ขนาน (ตอนที่ 7 Pretend Like It’s the First Time ซึ่งทำดีมากๆ) แต่น่าเสียดายว่าซีรีส์ใช้เวลาทั้งตอนไปกับ Ekko และไม่ได้เอาเวลาเหล่านี้ไปเล่าในประเด็นของคนอื่นๆ ทำให้ส่วนของคนอื่นๆ ดร็อปไปพอสมควร

ความขัดแย้งของ Vi กับ Jinx นั้นจบลงเร็วกว่าที่คาด เพราะ Vander พ่อบุญธรรมของพวกเธอที่ควรตายไปแล้ว กลับคืนชีพมาใหม่กลายเป็นมนุษย์หมาป่า Warwick โดยฝีมือของนักวิทยาศาสตร์ Singed ทำให้ทั้งสองคนต้องจับมือกันเพื่อแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรดีกับพ่อบุญธรรมสุดที่รัก ที่เสียความทรงจำไปแล้ว และกลายเป็นภัยคุกคามใหม่ของพวกเธอแทน (ฉากไล่ล่าเหยื่อของ Warwick ครั้งแรกทำออกมาดีจริงๆ)

ความสัมพันธ์ของ Vi กับ Caitlyn ก็ออกแบบมาได้ดี มีความซับซ้อนเรื่องความแตกต่างทางสถานะสังคม ความขัดแย้งของคนรอบตัวที่ดึงทั้งคู่ไปคนละทาง  แต่สุดท้ายลงเอยด้วยดี (หลังจากหยอดคำหวานถึงแม่ cupcake อยู่นาน)

ถึงแม้การปูเรื่องของ Season 2 มีความงงอยู่เยอะพอสมควร (โดยเฉพาะเส้นเรื่องของ Mel และ Jayce) แต่สิ่งที่ต้องชมคือ “ศึกสุดท้าย” สงครามแห่ง Piltover ที่ออกแบบมาได้ยอดเยี่ยม ทั้งฉากต่อสู้แอคชั่น การจับคู่ความขัดแย้งมาสู้กันและคลายปมของแต่ละคู่ลง เป็น climax ที่ออกแบบมาดีมากๆ ในซีรีส์มหากาพย์ระดับนี้

  • Mel & Caitlyn vs Ambessa
  • Vi & Jinx vs Warwick
  • Jayce & Ekko vs Viktor

อันที่ประทับใจในซีรีส์นี้คือผู้สร้างกล้า “ฆ่า” ตัวละครหลายตัวในเรื่องให้ตายจริงๆ แม้เป็นตัวละครฮีโร่ในเกมก็

ตอนจบของเรื่องนั้นค่อนข้างชัวร์ว่า Jinx ไม่ตาย และจะเดินทางออกนอก Piltover ไปผจญภัยในซีรีส์แอนิเมชันเรื่องถัดๆ ไปของ LoL ซึ่งประกาศแล้วว่าจะทำเพิ่มแน่นอน แต่คงต้องรอกันอีกหลายปีเช่นกัน

สรุปแล้วให้คะแนน Season 2 ที่ 9/10 น้อยลงว่า Season 1 เพราะมีช่วงเล่าเรื่องงงอยู่พอสมควร คิดว่าถ้าเพิ่มเรื่องอีกสัก 1-2 ตอน ปูพื้นเล่าเรื่องฝั่งของ Mel/Jayce/Viktor อีกหน่อยน่าจะสมบูรณ์ลงตัวกว่านี้มาก ความเห็นนี้ตรงกับแฟนๆ หลายคนที่มองว่า Season 2 มันเร่งไปหน่อย

หมายเหตุ: คนที่ดูจบแล้ว แนะนำให้อ่านบทความเบื้องหลังการสร้างซีรีส์ของ Netflix และ รวมตัวละครจากเกมที่ปรากฏตัวในฉบับซีรีส์