เป็นคำถามที่ยังอาจไม่สำคัญมากนักในช่วงการเลือกตั้งปี 2562 เพราะคนไปเน้นเรื่องการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการซะมาก
แต่คงเป็นคำถามที่สำคัญกับหลายๆ คนที่ต้องเลือกระหว่างสองพรรคนี้ และจะเป็นคำถามที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตข้างหน้า
หลังจากได้ดู “ปราศรัยใหญ่” ของทั้งสองพรรคในวันที่ 22 มีนาคม 2562 ก็เห็นภาพสะท้อนที่น่าสนใจ ขอบันทึกไอเดียของตัวเองไว้เป็นหลักเป็นฐานดังนี้
- กลุ่มเป้าหมายของทั้งสองพรรค ยังแยกกันอยู่พอสมควรในตอนนี้ โดยพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคสำหรับแมส เป็นพรรค Nationwide ถ้าจะให้เทียบคิดว่าคงเหมือน CDU ของเยอรมนี
- ในขณะที่อนาคตใหม่ เป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ในเมือง ใส่ใจประเด็นใหม่ๆ เช่น diversity, inclusiveness, ฯลฯ ถ้าให้เทียบก็เป็น FDP ของเยอรมนี (ยุครุ่งเรือง)
- การออกแบบเวที การออกแบบวิธีการปราศรัย วิธีการพูด จึงสะท้อนกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน การจะเอาฐานเสียงของทั้งสองพรรคมาฟังวิธีการปราศรัยที่แตกต่างกัน จึงย่อมเป็นการผิดฝาผิดตัวมิใช่น้อย ฐานเสียงคนเมืองของอนาคตใหม่ ไปฟังอดิศร เพียงเกษ ก็คงไม่อิน ในทางกลับกัน ฐานเสียงรากหญ้าแบบเพื่อไทย ไปฟังการปราศรัยของช่อหรือปิยะบุตร ก็คงเข้าไม่ถึงเช่นกัน (คือมาฟังคำว่า Futurista ก็คงไม่เก็ตแล้ว)
- ยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดคือ ทั้งสองพรรคจับมือกันเป็นพันธมิตร แยกกันเดิน ร่วมกันตี ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในการเลือกตั้งครั้งนี้
- แต่แน่นอนว่า กลุ่มประชากรของอนาคตใหม่ จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา กลุ่มประชากรของเพื่อไทยก็จะค่อยๆ แก่ลง เป็นสภาวะ ageing ตามไปด้วยเช่นกัน
- ถ้าพูดกันตรงๆ ผู้ปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทย คงต้องใช้คำว่า “มีแต่แก่ๆ” ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร เป็นที่พิสูจน์ตัวเองกันมาหมดแล้ว ในอีกทางคือ คนรุ่นใหม่หลายคนก็ไม่สามารถเติบโตขึ้นมาในพรรคได้ จนต้องใช้วิธีแยกออกไปอยู่พรรคสาขา อย่างไทยรักษาชาติแทน
- ถ้ายังปล่อยเป็นแบบนี้เรื่อยๆ พรรคเพื่อไทยก็จะยิ่งแก่ลง ช้าลง ยึดติดในกรอบแบบเดิมๆ ไปเรื่อยๆ (กลายเป็นแบบเดียวกับประชาธิปัตย์) และโดนอนาคตใหม่แซงในที่สุด
- สิ่งที่พรรคเพื่อไทยควรทำ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าคือ กรรมการบริหารพรรคควรลาออกยกชุด และไม่กลับมารับตำแหน่งอีก เพื่อผ่องถ่ายเลือด ผ่องถ่ายวิธีคิดใหม่ๆ ให้ได้เร็วที่สุด