นิยายกำลังภายในเรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างผูกพันกับมันคือ ซีรีส์ “ภูผามหานที” ของเฟิ่งเกอ ซึ่งผมเคยเขียนหนังสือวิจารณ์นิยายเรื่องนี้ (2 ภาคแรก) ร่วมกับสหายคือคุณเจริญชัย ไชยไพบูลย์วงศ์ มาแล้วครั้งหนึ่ง (สยามอินเตอร์เป็นผู้พิมพ์ให้) ใช้ชื่อว่า “ผู้กล้าในผู้กล้า หมื่นวิถีแห่งภูผามหานที”
เวลาผ่านมาเกือบสิบปี เฟิ่งเกอเขียน “ภาค 3” เสร็จสมบูรณ์ (หลังจากมีข่าวว่ารื้อทิ้งเขียนใหม่มารอบหนึ่ง) และสยามอินเตอร์นำมาพิมพ์เป็นภาษาไทย (แปลโดยท่าน น.นพรัตน์ เช่นเดิม) ในชื่อภาคว่า “คัมภีร์วิถีผู้กล้า”
ข้อมูลจากบทนำของ น.นพรัตน์ ระบุว่า เฟิ่งเกอตั้งใจเขียนเรื่องนี้เป็น 3 ภาคตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว โดยภาคแรกใช้ชื่อว่า “ภูผา” (คุนหลุน) ภาคสองคือ “มหานที” (ป๋อไห่) และภาคสามเป็นภาค “คัมภีร์” (灵飞经)
อย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่องของภาค 3 จับเอาเหตุการณ์ในระหว่างภาค 1 และ 2 ซึ่งต้องไล่ลำดับ timeline กันสักหน่อย
ภาค 1 วีรกรรมผู้กล้า เป็นเหตุการณ์ช่วงปลายราชวงศ์ซ้อง ที่กองทัพมองโกลบุกลงมาพิชิตประเทศจีน ตัวเอกของภาคนี้คือ เหลียงเซียว อัจฉริยะแห่งวิชาบู๊ลูกครึ่งชาวซ้อง-มองโกล ผู้ได้ไปฝึกวิชาคณิตศาสตร์ที่ “วังความลับฟ้า” แต่ภายหลังก็ช่วยชาวมองโกลบุกตีชาวซ้อง (เป็นผู้นำทัพมองโกลในสงครามเมืองเซียงหยาง สงครามเดียวกับที่ก๊วยเจ๋ง-เอี้ยก้วย สละชีพในตอนจบของมังกรหยก 2) ทำให้ขัดแย้งกับเหล่ามิตรสหายเดิม และเดินทางออกนอกประเทศจีนไป
ภาค 2 ปาฏิหารย์ผู้กล้า เป็นเหตุการณ์ในอีก 300 ปีให้หลัง ยุคราชวงศ์หมิงตอนกลาง แกนหลักของเรื่องเป็นความขัดแย้งระหว่าง นครตะวันตก ที่เทือกเขาคุนหลุน ผู้สืบทอดวิชาจาก “เหลืองซือฉิน” ทายาทของเหลียงเซียว และ เกาะตะวันออก แห่งทะเลบูรพา ที่สืบทอดวิชาจากชาวซ้องแห่งวังความลับฟ้าที่หนีตายจากมองโกลมา และเป็นคู่ขัดแย้งกับเหลียงเซียวเดิม
เหตุการณ์ในภาค 3 คัมภีร์วิถีผู้กล้า เป็นเหตุการณ์ช่วงต้นราชวงศ์หมิง หลังจากจูหยวนจางกู้แผ่นดินคืนมาจากชาวมองโกลได้สักระยะหนึ่ง เกาะตะวันออกที่ดำรงมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านผู้นำเปลี่ยนตระกูล และเป็นเหตุการณ์หลัง “เหลียงซือฉิน” กลับเข้าสู่ยุทธจักร และกำลังสร้างนครตะวันตกอยู่
ตัวเอกของภาค 3 คือ เวี่ยจือหยาง เด็กกำพร้าผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ดนตรี และบังเอิญได้รับเคล็ดวิชาด้านดนตรีที่สืบทอดมาจาก “หลิงเต้าหยิน” คู่ปรับของ “ซื่ออิ่นเสิน” ยอดฝีมือผู้ก่อตั้งเกาะตะวันออก (เหตุการณ์ หลิงเต้าหยิน vs ซื่ออิ่นเสิน เกิดขึ้นก่อนภาค 1 เล็กน้อย)
เนื้อหาในภาค 3 สองเล่มแรก ยังเป็นการผจญภัยของ เวี่ยจือหยาง อันธพาลน้อยที่บังเอิญพลัดหลงเข้าไปในยุทธจักร และได้เคล็ดวิชาพิสดารจากการฝึกด้านดนตรีมา (แตกต่างจากภาคแรก ที่เป็นคณิตศาสตร์ และภาคสองที่เป็นวิชาธาตุ) เขาถูกจับไปยังเกาะตะวันออก และมีโอกาสเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง-การชิงอำนาจภายในเกาะด้วย
เท่าที่อ่านมา 2 เล่ม ก็ยังคงความเป็นเฟิ่งเกอได้ดี ตัวละครและการดำเนินเรื่องมีกลิ่นอายของกิมย้งเช่นเดิม แต่มีการอ้างอิงถึงตัวละครใน 2 ภาคแรกค่อนข้างมาก (ซึ่งก็ลืมไปเกือบหมดแล้ว เพราะนานเกือบ 10 ปีแล้ว) จึงไม่แน่ใจนักว่าคนที่มาเริ่มอ่านภาค 3 เลย จะสามารถเข้าใจเรื่องได้มากน้อยแค่ไหน ในฐานะแฟนเก่าก็อยากกลับไปอ่าน 2 ภาคแรกใหม่อีกครั้ง น่าจะเข้าถึงอรรถรสของภาค 3 มากขึ้น
เคล็ดวิชาดนตรีของเวี่ยจือหยาง ถือว่าแปลกใหม่ในระดับหนึ่ง (แต่ยังไม่ว้าวเท่ากับตอนวิชาคณิตศาสตร์) ต้องรอดูว่าเล่มถัดๆ ไปจะฉายแสงออกมาได้แค่ไหน การนำเสนอตัวละครก็ทำได้ดี โดยเฉพาะตัวละครหญิง ที่ตอนนี้มีนางเอกออกมา 2 คนแล้ว และยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเชียร์คนไหนดี (สไตล์ของเฟิ่งเกอเป็นแนวรักเดียวใจเดียว ต้องมีคนอกหักแน่นอน)
เนื้อหาของภาค 3 เป็นช่วงปลายรัชสมัยของจูหยวนจาง ซึ่งจะเกิดเหตุการณ์ชิงบัลลังก์ระหว่าง “จูตี้” บุตรคนที่สี่ และ “จูหวินเหวิน” พระราชนัดดา หลานปู่ของจูหยวนจาง (ปรากฏตัวมาในเรื่องแล้วทั้งคู่) โดยเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์เดียวกับในเรื่อง “พยัคฆราชซ่อนเล็บ” ต้องรอดูอีกเหมือนกันว่า การเล่าเรื่องในมุมของเฟิ่งเกอ จะทำได้น่าสนใจแค่ไหน เพราะในพยัคฆราชซ่อนเล็บก็ทำไว้ดีมากๆ แล้ว
หมายเหตุ: หน้าเพจของนิยายบน Baidu (ภาษาจีน)