หนึ่งในหนังที่ถูกลืมของ Pixar เพราะฉายปี 2015 ปีเดียวกับเรื่อง Inside Out เลยถูกกลบรัศมีไปหมด แถมในแง่รายได้ก็ถือว่าน้อยที่สุดในหนังทั้งหมดของ Pixar ด้วย (ถือเป็น flop เรื่องแรกของบริษัท)
ส่วนตัวเหตุผลหนึ่งที่เข้าใจว่าหนังไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะโปสเตอร์และภาพโปรโมทหนังมันไม่ค่อยน่าดูเท่าไรนัก (โลกเรามีหนังไดโนเสาร์มาเยอะมากแล้ว เฝือมาตั้งแต่ยุค Jurassic Park) พอภาพโปรโมทของ The Good Dinosaur ไม่ค่อยดึงดูดมาก คนจำนวนหนึ่ง (รวมผมด้วย) เลยข้ามไป
ผ่านมา 7 ปีมีโอกาสได้ดูบนสตรีมมิ่ง เลยเข้าใจว่าหนังขาด buzz factor ที่คนดูแล้วชอบมากจนบอกต่อเพื่อนให้ไปดูด้วย จึงไม่น่าแปลกใจนักที่หนังไม่ประสบความสำเร็จในแง่รายได้
เอาจริงแล้ว The Good Dinosaur เป็นหนังที่โอเคในระดับหนึ่งเลย เป็นหนังเด็กที่ดูได้เพลินๆ ภาพสวย ถ้ามันเป็นหนังของ DreamWorks Animation หรือ BlueSky คงไม่มีใครกังขาอะไร แต่พอแบกชื่อ Pixar แปะมาด้วย แล้วกลับขาด “เสน่ห์” ตามมาตรฐาน Pixar ที่ควรจะเป็น จึงน่าผิดหวังพอสมควร
พล็อตของ The Good Dinosaur คือโลกคู่ขนานที่อุกกาบาตไม่พุ่งชนโลก ไดโนเสาร์ไม่สูญพันธุ์ และวิวัฒนาการจนมีความฉลาด รวมตัวเป็นชุมชนกสิกรรม ตัวเอกคือลูกไดโนเสาร์ Arlo ที่อ่อนแอและขี้กลัว แต่บังเอิญมีเหตุให้ต้องหลงทางจากบ้าน แล้วต้องหาวิธีเดินทางกลับมา โดยมีคู่หูเป็น “ลูกมนุษย์” ยุคหินที่ยังสื่อสารด้วยคำพูดไม่ได้ เป็นเพื่อนร่วมเดินทาง
หนังนำคาแรกเตอร์แบบมนุษย์ เช่น Arlo เด็กขี้กลัว มาสวมใส่ในร่างไดโนเสาร์ ระหว่างทางเขาต้องเจอกับ “มนุษย์แบบอื่นๆ” อย่างกลุ่ม T-Rex ที่ใช้คาแรกเตอร์แบบคาวบอย ในขณะที่หนังเอาคาแรกเตอร์แบบสัตว์ (ในที่นี้คือหมา) มาใส่กับตัวลูกมนุษย์ในฐานะสัตว์เลี้ยงร่วมทางของ Arlo
แก่นหลักของหนังเป็นพล็อตพื้นๆ ที่เราดูกันมาเยอะแล้วคือ สายสัมพันธ์ระหว่างสองเผ่าพันธุ์ระหว่างการเดินทาง (road movie) + การเติบโตของเด็กขี้กลัวที่มีความกล้ามากขึ้น (coming of age) พอเอามาใส่ในหนังแปะตรา Pixar มันเลยกลับดูธรรมดาไปนิดนึง
execution ของการเดินเรื่องก็ทำได้ค่อนข้างมาตรฐานการ์ตูนสำหรับเด็ก ช่วงแรกๆ อาจดูน่าเบื่อไปสักหน่อย (และ Arlo มีคาแรกเตอร์ที่ค่อนข้างขี้แพ้ loser จนน่ารำคาญ) แต่พอเจอวิกฤตที่ทำให้ต้องออกเดินทางผจญภัย หนังก็กลับมาสนุกขึ้น
สิ่งที่ดีที่สุดของหนังคือภาพสวย ฉากหลังเป็นธรรมชาติของอเมริกาฝั่งตะวันตก ทั้งป่าดิบ ทะเลทราย ภูเขาหิมะ ที่อลังการจนต้องชมทีมงานที่ทำการบ้านเรื่องฉากมาดีมาก
ย้อนไปอ่านประวัติของหนัง พบว่ามีอุปสรรคระหว่างการสร้างมากมาย ต้องเปลี่ยนตัวผู้กำกับและทีมผู้สร้าง ถึงขนาดต้องเลื่อนฉายและไปดึง John Lasseter ผู้ก่อตั้ง Pixar และทีมรุ่นเดอะ ลงมาช่วยกู้วิกฤตเรื่องพล็อต แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จอยู่ดี (พลิกจากแย่มาเป็นกลางๆ ได้ แต่ไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยม)
ส่วนผู้กำกับที่มีชื่อในเครดิตคือ Peter Sohn กำลังจะมีผลงานใหม่คือ Elemental กำหนดฉายปี 2023