ดูพร้อมกันสองภาค เขียนรวบเป็นชิ้นเดียวกันเลยละกัน
The Angry Birds Movie 1
The Angry Birds Movie ภาคแรกเป็นแอนิเมชันปี 2016 ที่ Rovio Entertainment บริษัทแม่ของ Angry Birds พยายามผลักดันแฟรนไชส์ขึ้นเป็นหนังจอใหญ่ (หลังจากทำการ์ตูนซีรีส์มาได้พักใหญ่) ผลคือทำได้ดีกว่าที่คิด งานภาพทำโดย Sony Pictures Imageworks ซึ่งทำออกมาได้สวยงามดี
เนื้อเรื่องของเกม Angry Birds ภาคต้นฉบับ ไม่มีอะไรมากไปกว่าหมูเขียวขโมยไข่ นกจึงโกรธและต้องไปสู้กับหมูเพื่อทวงไข่คืน
การตีความในเวอร์ชันหนังจึงต้องการความซับซ้อนของพล็อตเรื่องมากขึ้น เรื่องที่นำเสนอออกมาคือในเกาะนก Bird Island เหล่านกอยู่กันอย่างสงบสุขเป็น happy birds เพราะมองว่าทั้งโลกคือเกาะแห่งนี้ ไม่มีศัตรูใดคุกคาม
นกแดง Red ที่มีปัญหาเรื่องควบคุมอารมณ์ เพราะเป็นเด็กกำพร้ามาแต่เล็ก ไม่มีใครคบ โดนเพื่อนที่โรงเรียนล้อเรื่องคิ้วหนา (เอ้อนะ) มักก่อเรื่องบ่อยๆ จึงถูกไล่ให้ออกไปสร้างบ้านอยู่ริมทะเลเพียงลำพัง และเมื่อมีปัญหาหัวร้อนทะเลาะกับชาวบ้านอีก จึงต้องไปอบรม anger management กับนกขาว Matilda อีกตัวละครหนึ่งในเกม
ที่สถาบันอบรมความโกรธ Red ได้รู้จักกับเพื่อนร่วมวงการคนไม่คบคือ Chuck นกเหลืองไฮสปีด, Bomb นกดำพลังระเบิด และ Terence นกแดงยักษ์ไม่ชอบพูด
ในขณะเดียวกัน เกาะนกก็เจอกับแขกคือเผ่าหมูเขียว ที่นำโดยพระราชาหมู Leonard (เป็นคาแรกเตอร์ออริจินัลของหนัง คนละตัวกับราชาหมูในเกม) มาเยือนและสร้างมิตรภาพด้วย พาเฮฮาปาร์ตี้กันสนุกสนาน โดยเหล่านกไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงว่าเผ่าหมูแอบมาขโมยไข่ แม้ Red พยายามเตือนก็ไม่มีใครฟัง
หลังจาก moment of truth เหล่านกรู้ความจริงว่า บ้านพังพินาศ ไข่ถูกขโมย ทุกคนจึงยก Red เป็นผู้นำ ซึ่ง Red ก็บอกว่าทุกคนจงเปลี่ยนจาก happy birds เป็น angry birds ไปทวงไข่คืนกัน (ซับซ้อนจริงจัง)
เรื่องหลังจากนั้นคือเหล่านกข้ามทะเลไปถล่มเกาะหมู เนื่องจากนกเกาะนี้บินไม่ได้ จึงต้องใช้หนังสติ๊กยักษ์ (slingshot) ดีดตัวเองไปถล่มเมือง ตรงนี้เราจึงได้เห็นซีนเหมือนในเกม (สักที) ที่นกแต่ละประเภทยิงตัวเองไปถล่มเมืองของหมูให้พังในรูปแบบต่างๆ กันไป
ภาพรวมของหนังทำได้สนุกดี เป็นหนังแอคชั่นรวมคนไม่มีใครคบ แต่สถานการณ์สร้างวีรบุรุษให้ไปทวงคืนของที่ถูกขโมย พล็อตมาตรฐานก็จริง แต่แอคชั่นและมุขตลกเยอะ ไดนามิกของทีมตัวเอก (Red/Chuck/Bomb) ก็ทำออกมาดี และยิ่งถ้าคนที่เคยเล่นเกมมาก่อนก็จะลุ้นว่าจะเจอฉากไหนหรือตัวละครไหนบ้าง ซึ่งมากันเกือบหมด เช่น นกบูมเมอแรงสีเขียว, นกส้มพองตัวได้, นกชมพู Stella ยกเว้นนกน้ำแข็งสีฟ้า 3 ตัวที่โผล่มาตอนท้ายเรื่อง
หนังประสบความสำเร็จในแง่รายได้ ทำเงินไป 352 ล้านดอลลาร์ แม้คะแนนจากนักวิจารณ์ไม่ดีนัก (43% Rotten Tomatoes) แต่ก็เข้าใจได้ว่านักวิจารณ์ไม่ค่อยชอบหนังเด็ก แนวตลกเจ็บตัวทำนองนี้อยู่แล้ว รายได้ที่ดีรวมถึงการต่อยอดสินค้าต่างๆ ทำให้มีภาคสองตามมา
The Angry Birds Movie 2
หนังภาคสองตามมาในปี 2019 โดยยังใช้บริการ Sony Pictures Imageworks ทำงานภาพให้เหมือนเดิม
เนื้อเรื่องก็ต่อจากภาคแรกเลย หลังสงครามกับเกาะหมู ถล่มปราสาทหมูจนราบไปแล้ว เกาะนกกับเกาะหมูยังมีการปะทะกันเรื่อยมา โดย Red รับบทเป็นผู้นำทัพแนวหน้าช่วยปกป้องเกาะ ซึ่งเขาก็ดีใจที่ได้รับการยอมรับจากชาวเมืองนกในฐานะฮีโร่ คุณค่าของเขาคือการปกป้องเกาะ
แต่เผ่าหมูกลับค้นพบเกาะที่สาม เป็นเกาะน้ำแข็งที่อาศัยอยู่โดยเผ่าอินทรี และพยายามโจมตีเกาะอื่นอีกสองเกาะด้วยปืนใหญ่น้ำแข็ง เพื่อเหล่านกอินทรีจะได้หนีหนาวมายึดครองเกาะทั้งสองแทน
ราชาหมู Leonard จึงขอสงบศึกกับเกาะนก และพยายามร่วมกันต่อสู้กับเผ่าอินทรี ปมหลักของภาคนี้คือความกลัวของ Red ที่ว่าเขาจะไม่มีคุณค่าอีกหากไม่มีสงคราม และความสำคัญตัวว่าเขาเป็นผู้นำของเหล่าหน่วยรบพิเศษกับเกาะอินทรี ทำให้เขามีนิสัยไม่ยอมฟังใคร
ตัวละครใหม่ที่สำคัญของภาคนี้คือ Silver นกอัจฉริยะทางวิศวกรรม น้องสาวของ Chuck ที่รับบทเป็น love interest ของ Red และช่วยกันนำทีมไปบุกเกาะอินทรีด้วยกัน คาแรกเตอร์ Silver ของภาคหนังเป็นออริจินัลออกแบบใหม่ ต่างจาก Silver ในเกมพอสมควร
เรื่องราวครึ่งหลังจึงเป็นทีมรวมพลังนก-หมู บุกเกาะน้ำแข็งเพื่อกำจัดอาวุธร้าย ตรงนี้พล็อตคล้ายพวกหนังแอคชั่น-สายลับทั่วไป แต่มีมุขตลกแบบเจ็บตัวเพิ่มมาพอสมควร ก่อนขมวดปมด้วยการคลี่คลายความสัมพันธ์ของ Zeta หัวหน้าเผ่านกอินทรีที่เคยคบหาเป็นแฟนกับ Mighty Eagle ของเกาะนกมาก่อน
ความรู้สึกหลังดูภาคสองคือ ชอบภาคแรกมากกว่า เพราะเนื้อเรื่องตรงไปตรงมาดี ในขณะที่ภาคสองเรื่องซับซ้อนขึ้นเยอะ มีความเป็นผู้ใหญ่สูงขึ้นมาก ตัวละครเยอะขึ้นจนอยู่ในระดับมากไปหน่อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์กลับชอบภาคสองมากกว่า (คะแนนรีวิว 73%) ตรงข้ามกับมติมหาชนที่หนังทำรายได้ลดลงจากภาคแรกไปมาก (152.8 ล้านดอลลาร์) แบบนี้แสดงว่าเราน่าจะสอดคล้องกับมหาชนมากกว่าสินะ
ความผิดหวังเล็กๆ อีกอันคือ นกน้ำแข็งที่โผล่มานิดเดียวในภาคแรก คิดว่าจะมีบทเยอะในภาคสอง แต่กลับกลายเป็นว่าน้อยกว่าเดิมอีก