ในฐานะเด็กยุค 90s ที่เติบโตมากับการเล่นเกม 2d platformer ไม่ว่าจะเป็น Mario, Rockman, Sonic และอื่นๆ ย่อมอยากเห็นคาแรกเตอร์เหล่านี้ถูกนำมาดัดแปลงต่อยอดเป็นสื่อประเภทอื่น เช่น หนังสือการ์ตูน อนิเมหรือภาพยนตร์
แต่หายนะของหนังจากเกมในยุค 90s เช่น Mario หรือ Street Fighter ก็ทำให้ไม่กล้าหวังไปไกลมากนัก
ข้ามเวลามา 30 ปี ในยุคที่หนังจากเกมเริ่มกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง หลังจากที่หนังชุด Tomb Raider และ Resident Evil ทำผลงานได้ดีพอสมควรในทศวรรษ 2010s เราเริ่มเห็นหนังที่ตัวเอกหลักเป็นคน (ในโลกแฟนตาซี) อย่าง Monster Hunter และ Uncharted ตามมา และไปไกลถึงหนังที่คนแสดงเล่นร่วมกับคาแรกเตอร์คือ Detective Pikachu ที่ทำออกมาได้ดีเลย
โปรเจคหนัง Sonic the Hedgehog จึงถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง (หลังพยายามมาหลายรอบ) รอบนี้ทำโดย Paramount
แต่เริ่มต้นมาไม่ทันไรก็หายนะแล้ว จากคดีใบหน้า Sonic ที่ไม่ถูกใจแฟนๆ อย่างมาก (สมจริงเกินไป ดูแล้วผงะ) ก็ยังดีที่ทีมผู้สร้างยอมกลับไปแก้โมเดล Sonic ใหม่ แลกกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและหนังฉายช้ากว่าเดิม 5 เดือน
การแก้ใบหน้าของ Sonic ถือเป็นหนึ่งในการคัมแบ็คที่ดีที่สุดของวงการหนังเลย เพราะ Sonic กลับมาฉายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ทำรายได้ช่วงเปิดตัวสวยงาม รายได้รวมประมาณ 320 ล้านดอลลาร์ แถมฉายทันช่วงก่อนปิดเมืองจาก Covid รอบแรกไปอย่างฉิวเฉียด เรียกได้ว่าโชคดีจริงๆ
พอได้มาดูเองบนสตรีมมิ่ง ก็พบว่าหนังทำออกมาได้ดีทีเดียว เหมาะกับเป็นหนังแอคชั่นสำหรับครอบครัว
Sonic the Movie เป็นการตีความ Sonic ในรูปแบบหนัง ที่ไม่ได้อิงจากเรื่องในเกม (ที่เป็นโลกแฟนตาซีล้วนๆ) แต่เป็นการนำ Sonic วาร์ปข้ามมาอยู่ในโลกยุคปัจจุบัน ออกเดินทางร่วมกับเพื่อนที่เป็นมนุษย์ (James Marsden หรือ Cyclops แห่ง X-Men) ในสังคมโลกมนุษย์ สู้กับนักวิทยาศาสตร์จอมเพี้ยน Dr. Robotnik ตัวละครวายร้ายจากในเกม ที่ได้ดาราเบอร์ใหญ่คือ Jim Carrey มาแสดง
นอกจากตัวละคร Sonic, Dr. Robotnik และ Tails (ที่ตามมาในตอนท้าย) ตัวละครมนุษย์อื่นๆ เป็นออริจินัลทั้งหมด เราจึงเห็นการตีความ Sonic โดยนำองค์ประกอบต่างๆ ของเกมมาดัดแปลงได้น่าสนใจทีเดียว
- แหวน ที่เป็นสัญลักษณ์ของเกม Sonic ถูกนำมาใช้เป็นแหวนสำหรับวาร์ปเพียงอย่างเดียว แต่ก็มิวายยังมีฉากแหวนกระจายพร้อมเสียงเอฟเฟคต์ที่เป็นเอกลักษณ์
- รองเท้าแดง ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัว Sonic มีแต่งเรื่องที่มาที่ไปเพิ่มจากในหนังด้วย
- อันที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ Sonic ล้อเลียน Dr. Robotnik (ชื่อเวอร์ชันตะวันตก) ว่า Eggman (ชื่อเวอร์ชันญี่ปุ่น)
- เมืองที่ตัว Sonic วาร์ปมา มีชื่อว่า Green Hills ซึ่งเป็นการอ้างถึงด่านแรกในเกม Sonic ส่วนโลกแห่งเห็ดที่วาร์ปไปในตอนท้าย คือด่าน Mushroom Hill
- ตัวละครเผ่าที่ไล่ล่า Sonic ในตอนแรกคือ echidna เผ่าของ Knuckle คู่ปรับของ Sonic ที่โผล่มาในภาค 2
- เครดิตท้ายเรื่องทำเป็นแอนิเมชัน 8-bit ก็น่ารักดี แฟนรุ่นเก่าดูแล้วระลึกถึงความหลัง
- รวมเกร็ดการอ้างถึงสิ่งต่างๆ จากเกม Sonic ในหนัง, อีกลิงก์
คาแรกเตอร์ของ Sonic เวอร์ชันหนังถูกออกแบบให้ดูเป็นเด็กป่วนๆ ล้นๆ พูดมาก ถือเป็นการปรับให้เข้ากับยุคสมัย หนังยังมีการอ้างถึง popular culture หลายอย่าง เช่น เรียกนกฮูกที่เป็นอาจารย์ว่านี่คือ Obi-wan Kenobi, บอกว่าตัวเองอยากเป็น Vin Diesel, มีการอ้างถึง Men in Black เป็นต้น
สิ่งที่ไม่ชอบนักในหนังคือฉากโชว์ออฟของ Dr. Robotnik (ที่เป็นการโชว์ความสามารถของ Jim Carrey) เวิ่นเว้อไปหน่อย และมีฉากหมุนตัวของ Sonic น้อยไปหน่อย คิดว่าจะมีเยอะกว่านี้ 555
สรุปว่าชอบ และรอดูภาค 2 กันต่อไป จากเทรลเลอร์มีเพชรเขียว, เครื่องบินแดง และสโนว์บอร์ดมาแล้ว