Disclaimer: บทความนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัว สมัครเองจ่ายเอง ไม่ได้รับสปอนเซอร์จาก SCB แต่อย่างใด แต่บริษัทของผู้เขียนมี SCB เป็นสปอนเซอร์นะครับ
ปกติถือบัตรเครดิตอยู่หลายใบพอสมควรแล้ว และไม่คิดจะมีเพิ่มอีก แต่ก็มีเหตุให้ต้องสมัครบัตรเครดิตเพิ่ม
เรื่องมีอยู่ว่า มี Gourmet Market มาเปิดใกล้บ้าน และการทำรถไฟฟ้าหลายสายในบริเวณบ้าน ทำให้ต้องเลิกไปซื้อของสดตามซูเปอร์มาร์เก็ตเจ้าประจำหลายแห่ง ทั้ง Foodland และ MaxValu เนื่องจากการจราจรโหดร้ายเกินจะทนไหว
พอมาเดิน Gourmet Market บ่อยเข้าหน่อย ซื้อของบ่อยๆ ก็เปลืองประมาณนึง จึงพบว่ามีบัตรเครดิตเดียวที่สามารถลดราคาได้ 5% นั่นคือ SCB M ที่เพิ่งมาแทน Citi M ในฐานะบัตรเครดิตของห้างเครือเดอะมอลล์เมื่อปีที่แล้วนี่เอง
ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจสมัคร SCB M เลยเพราะไม่มีเดอะมอลล์อยู่แถวบ้านเลย (มีแต่เซ็นทรัล) ที่ออฟฟิศก็เคยชวนสมัคร ตอนนั้นก็ปฏิเสธไปด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้สตอรี่เปลี่ยน เลยคิดว่าสมัครมาเพื่อเอาส่วนลด 5% ของ Gourmet ก็คุ้มละ เพราะเดินประจำ
พอตัดสินใจได้แล้วว่าจะสมัคร ก็มาดูว่ากระบวนการเป็นอย่างไร ต้องหาใบสมัครมากรอก ส่งเอกสารหรือเปล่า เพราะตรงนี้ถือเป็น pain point อย่างมากในการสมัครบัตรเครดิตสักใบนึง (อารมณ์ประมาณว่าจะช่วยใช้บัตรของท่านแล้ว ทำไมต้องยุ่งยากขนาดนี้ด้วย)
จู่ๆ ก็เกิดเอะใจว่าช่วงหลัง SCB โปรโมทแอพ Easy กระหน่ำมาก มันควรจะทำผ่านแอพได้สิวะ เปิดแอพดูก็พบว่าทำได้จริงๆ (ผมขอโทษ PR SCB ด้วยที่เวลาไปงานแถลงข่าวไม่ค่อยตั้งใจฟังว่ามันทำอะไรได้บ้าง)
ขั้นตอนการสมัครในแอพก็ตรงไปตรงมาครับ เลือกประเภทของบัตร วงเงินที่ต้องการ (ผมมีบัตรเครดิต SCB ใบอื่นอยู่แล้ว ระบบก็อ่านข้อมูลมาได้ถูกต้อง) ตรงนี้กดไปได้เรื่อยๆ ไม่มีอะไรยาก
พอมาถึงหน้า “ส่งเอกสาร” ซึ่งคือสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดของการสมัครบัตรเครดิตใดๆ ก็เป็นจุดวัดใจแล้วว่า customer journey ของ SCB จะทำได้ดีแค่ไหนกัน
เอกสารที่ SCB ขอมีอยู่ 4 อย่าง
- บัตรประชาชน
- สลิปเงินเดือน
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- หนังสือจดทะเบียนบริษัท (กรณีเป็นเจ้าของกิจการ)
เอกสารที่บังคับจริงๆ มีแค่บัตรประชาชนเท่านั้น ส่วนเอกสารสลิปเงินเดือนและรายการบัญชีย้อนหลัง เป็นเอกสารแนบเพื่อเพิ่มโอกาสในการพิจารณา
เคสของผมมีบัญชี SCB อยู่แล้ว, รับเงินเดือนผ่านบัญชี SCB, มีบัตรเครดิต SCB ใบอื่นอยู่แล้ว ดังนั้นก็เลยอยากลองดูว่า ถ้าไม่ส่งอะไรให้กับ SCB เลยยกเว้นบัตรประชาชน มันจะขออนุมัติผ่านหรือเปล่า จึงลุยดุ่มๆ ส่งแค่บัตรประชาชนอย่างเดียวพอ
แอพ SCB อำนวยความสะดวกให้สามารถถ่ายรูปบัตรประชาชนได้ด้วย แต่ลองแล้วไม่เวิร์คครับ (เป็นกล้องจากในแอพเลย) ทำอย่างไรก็โฟกัสไม่ผ่านตามที่แอพต้องการ (หักคะแนนอะตรงนี้) ทางแก้คือใช้ไฟล์สแกนบัตรประชาชนที่มีอยู่แล้วส่งเข้าไปแทน
สมัครผ่านแอพเสร็จก็แยกย้ายรอการพิจารณา ผมสมัครไปวันที่ 15 ก.พ. จากนั้นต้องเดินทางไปต่างประเทศเลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ระหว่างทริปก็ได้อีเมลจาก SCB ขอเอกสารเพิ่มเติมอีกหน่อย (พร้อมบอกว่าติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้) เลยบอกไปว่าขอเปลี่ยนเกรดของบัตรแทนเป็นบัตรตัวล่างสุด เพราะขี้เกียจหาเอกสารละ ไม่ได้จะเอาอะไรหรูหรา จะเอามาแค่ใช้ลดราคาซื้อของซูเปอร์เท่านั้น
จากนั้นก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทางอีเมลอีกเลย แต่จู่ๆ วันที่ 25 ก.พ. ก็ได้รับ SMS ว่าอนุมัติบัตรแล้ว และบัตรก็ส่งมาที่บ้านในวันที่ 1 มีนาคม กระบวนการทั้งหมดถือว่ารวดเร็วดี ถ้าไม่ติดไปต่างประเทศและตอบเมลช้า ก็น่าจะเร็วกว่านี้อีก
พอได้บัตรเครดิตมาก็ต้องเปิดใช้งาน ยุคนี้แล้วจะโทรไปหา call center ก็คงไม่ใช่เรื่อง เสียทั้งค่าโทรศัพท์และเสียเวลารอสาย (ฝั่งของ SCB ก็เสียค่าแรงคนมารับโทรศัพท์เหมือนกัน) เรามาเปิดใช้ผ่านแอพสิ ซึ่งในซองจดหมายก็มีวิธีการสอนเปิดใช้บัตรผ่านแอพมาอย่างดี อันนี้ต้องปรบมือให้ธนาคารด้วยนะครับ คืออะไรที่ไม่ต้องใช้คนได้ก็อย่าใช้คนเลยเหอะ
กระบวนการเปิดบัตรเครดิตผ่านแอพก็ทำง่ายๆ โดยเข้าไปที่หน้าเพิ่มบัญชีในระบบ จะมีบัตรที่เราสมัครไว้รอเปิดอยู่ การยืนยันตัวตนต้องใช้ SMS OTP เข้าเบอร์ที่เราผูกกับระบบไว้ และยืนยันการเปิดบัตรด้วยวันหมดอายุ ก็ถือว่า secure ดี ทำแป๊ปเดียวก็เสร็จเรียบร้อย
ภาพรวมของการสมัครบัตรเครดิต SCB ครั้งแรกของผมถือว่าประทับใจตรงที่ไม่ต้องใช้คนเลย และไม่เรื่องเยอะ คือไม่ขอเอกสารไร้สาระมากมาย ไม่มีความยุ่งยากใดๆ พอได้บัตรมาก็เปิดบัตรเองผ่านแอพได้เลยอีก จะมีหักคะแนนก็ตรงโปรแกรมกล้องถ่ายบัตรประชาชนทำออกมาได้ห่วยเท่านั้น
ถ้ามีโอกาสก็อยากลองของแบงค์อื่นบ้างเหมือนกัน ว่าจะ smooth แค่ไหนครับ