in Works

Life at WeWork

ช่วงนี้ WeWork กำลังดัง เพราะมีปัญหาเรื่องผลประกอบการและ IPO จนต้องเปลี่ยนตัว CEO

ในฐานะที่ใช้ออฟฟิศ WeWork มานานพอสมควร (Wongnai เริ่มย้ายเข้า 1 เมษายน 2562) ก็มีคนถามมาอยู่เรื่อยๆ ว่าอยู่ที่ WeWork แล้วเป็นอย่างไรบ้าง

บล็อกนี้เลยเขียนเล่าประสบการณ์การนั่งทำงานที่ WeWork เผื่อมีใครสนใจครับ (แน่นอนว่าเป็น personal comment ไม่ได้ represent มุมมองขององค์กร)

  • ปัจจุบันในกรุงเทพมี WeWork 3 แห่งคือ ตึก Asia Center สาทร, ตึก T-One ทองหล่อ (ใช้อันนี้), True Digital Park ปุณณวิถี
  • การเป็นสมาชิก WeWork คล้ายกับการเป็นสมาชิกฟิตเนสที่มีหลายสาขา นั่นคือเราจ่ายค่าสมาชิกเป็นรายหัว (ไม่ได้จ่ายตามพื้นที่) แล้วไปใช้งาน WeWork ที่สาขาไหนก็ได้ สมมติพรุ่งนี้บินไปสิงคโปร์ ก็สามารถใช้บัตร WeWork แตะเข้าที่สิงคโปร์ได้ทันที
  • ขึ้นชื่อว่าเป็น co-working space แต่เอาจริงๆ มันเหมือน shared office ที่มี common area มากกว่า เพราะแต่ละบริษัทก็มีห้องส่วนตัวของตัวเอง (ซึ่งขึ้นกับขนาดที่ต้องการ มีตั้งแต่ 3-4 คนไปจนถึงเคส Wongnai คือเช่ายกฟลอร์ไม่ต้องยุ่งกับใคร) ตอนทำงานปกติก็ของใครของมัน ไม่ยุ่งกัน แต่มีพื้นที่ส่วนกลาง ห้องน้ำ แพนทรี โซฟา แชร์ร่วมกันมากกว่า
  • ภาพที่เห็นในสื่อต่างๆ เป็น common area ที่ตกแต่งสวยงาม แต่ในชีวิตจริง ตัวพื้นที่ออฟฟิศก็แต่งเรียบๆ ไม่มีอะไรฉูดฉาด
  • ตึกที่อยู่คือ T-One มีพื้นที่ของ WeWork ทั้งหมด 7 ชั้น (คนมันรวย! เงิน SoftBank!) โดยมีพื้นที่ส่วนกลางของแต่ละชั้น และมีครึ่งชั้นที่เป็น reception area ขนาดใหญ่ ใช้รับแขกและจัดกิจกรรมได้
  • บริการของ WeWork นอกจากโต๊ะทำงานและอินเทอร์เน็ตแล้ว ยังมี printer, ห้องประชุม, แม่บ้าน, น้ำเปล่า, กาแฟ ให้ โดยห้องประชุมต้องจองผ่านแอพ WeWork และมีโควต้าเครดิตของแต่ละบริษัท
  • น้ำเปล่าที่มีให้เป็น infuse water คือน้ำที่ใส่ผักหรือผลไม้ลงไปแช่ด้วย แถมแต่ละวันจะไม่ค่อยซ้ำกันเลย เช่น ส้ม สัปปะรด กีวี ฯลฯ อันนี้แปลกดีอีกเหมือนกัน ถึงขั้นว่ามีน้องๆ ที่รู้จักทำเพจ วันนี้ WeWork มีน้ำอะไร เอาไว้แชร์ข้อมูลกันเลย (ใครที่ไม่ชอบก็มีน้ำเปล่าปกติให้นะ แต่เป็นน้ำไม่เย็น)
  • เนื่องจาก WeWork คิดการใหญ่ ทำพื้นที่สำนักงานเช่าทีเดียวทั้งโลก ก็จะมี economy of scale หลายอย่าง เช่น โต๊ะและเก้าอี้ทำงาน ใช้เหมือนกันทั้งโลก ไซส์เดียวกันหมด สไตล์การตกแต่งก็คล้ายๆ กันทุกที่ จะเน้นกระจกและโทนสีดำเป็นหลัก
  • WeWork มีความเป็นอเมริกันสูงมาก สไตล์ของพื้นที่ส่วนกลางจะออกแนวคาเฟ่อเมริกันมากๆ ใช้ป้ายไฟนีออนดัดเป็นตัวอักษร ตามภาพข้างล่าง (ส่วนตัวไม่ค่อยชอบนัก แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรในการใช้งาน) มีพื้นที่ phone booth ห้องขนาดเล็กจิ๋ว สำหรับนั่งทำงานคนเดียวเพื่อ video call กับเพื่อนร่วมงานที่อื่น (อันนี้ไม่ค่อยเคยเห็นในออฟฟิศแบบคนไทย)

หน้าตามันจะคล้ายๆ แบบนี้ทั้งโลก – ภาพจาก WeWork

ข้อดี

  • หน้าตาดูดี ไฮโซ ชื่อเสียงดูเวิลด์คลาส
  • ภาระการดูแลออฟฟิศหลายอย่าง เช่น ความสะอาด ซ่อมแซม ฯลฯ กลายเป็นงานของ WeWork ไป ช่วยลด distraction ลงไปได้มาก ปัญหาพวกน้ำรั่ว แอร์เสีย หลอดไฟพัง ก็ยังมีเป็นปกติ แต่ไม่ใช่หน้าที่ของเราอีกแล้ว
  • Scale ได้ง่าย อันนี้น่าจะเป็นจุดเด่นที่สุด โดยเฉพาะกับ startup คือทีมขยายแล้วเราไม่ต้องมาเช่าพื้นที่เพิ่มจากตึก และไม่จำเป็นต้องเช่ายกชั้นหรือตาม space ที่ตึกมีให้ เราสามารถเช่าเพิ่มทีละ 1-2 โต๊ะไปเรื่อยๆ ได้ หรือจะเปิดห้องเพิ่มครั้งละ 10 คนก็ไม่มีปัญหา
  • สะอาด! แม่บ้านที่นี่ขยันทำความสะอาดมากๆ ว่างต้องเดินมาเช็ดกระจกตลอด (จนรู้สึกว่าบ่อยเกินไปด้วยซ้ำ)
  • อันนี้ไม่ได้ใช้เอง แต่คิดว่าองค์กรที่เป็น international มากๆ เช่น มีสาขาทั่วโลก แต่มีคนประมาณ 5-10 คน จะไปเช่าพื้นที่ออฟฟิศแบบเดิมก็คงไม่คุ้ม-ไม่สะดวก ติดสัญญานาน มาเช่าที่แบบ WeWork ก็สะดวกและยืดหยุ่นกว่ามาก (จริงๆ คู่แข่งในตลาดก็มีพวก managed office แบบ Regus มานานแล้ว แต่บรรยากาศมันก็จะแบบดั้งเดิมกว่า ไม่สนุกหรือว้าวเท่า)
  • มีเบียร์ฟรีด้วย! อันนี้ว้าวที่สุดเวลาไปอวดคนอื่นว่าออฟฟิศมีอะไรเด่น ฟรีนี่คือฟรีจริงๆ และมีให้ทุกวันตอนเย็นที่ common area

ข้อเสีย เท่าที่นึกออก

  • ตัว WeWork เปิด 24/7 ก็จริง แต่แอร์ตึกไม่ได้เปิด 24/7 ตามไปด้วยนะ
  • แม่บ้าน WeWork มีข้อจำกัดบางอย่าง (ตามกฎของเขา) เช่น ล้างแก้วให้ แต่ไม่ล้างจานให้ ขอบเขตการทำงานก็จะงงๆ ว่าตกลงทำครอบคลุมแค่ไหนกันแน่
  • Printer พังอยู่บ่อยๆ แต่ก็จะมี IT Support ของ WeWork มาแก้ปัญหาให้แหละนะ
  • ห้องกระจกสวยหรูดูดี แต่เสียงสะท้อน เอาไปทำ production ที่ต้องใช้เสียงไม่ได้เลย และพอเป็นออฟฟิศเช่าแบบนี้เราทำอะไรกับห้องไม่ได้เลย
  • เราเช่าออฟฟิศจาก WeWork ซึ่งเช่าต่อจาก Landlord เจ้าของตึกอีกที พอมีประเด็นอะไรที่เกี่ยวกับตัวตึกโดยตรง (เช่น ที่จอดรถ) เราไม่มีปากเสียงกับ Landlord มากนัก เพราะความสัมพันธ์มันอ้อมหลายชั้น
  • วิธีคิดและไลฟ์สไตล์เป็นอเมริกันมากๆ บางครั้งก็มากเกินไป เช่น บางครั้งมีอาหารเลี้ยงในโอกาสพิเศษก็เป็นอาหารแนว organic/vegan ที่ไม่ถูกปากคนไทยอย่างแรง
  • WeWork สาขา T-One มีกาแฟฟรีให้ (บาริสต้าชงให้ที่ common area และกาแฟหม้อให้ในพื้นที่แพนทรีทุกชั้น) กาแฟบาริสต้านี่โอเคเลย (บาริสต้ามาจากฟิลิปปินส์ซะด้วย) แต่กาแฟหม้อนี่ต้องบอกว่า ชีวิตนี้ผมไม่เคยเทกาแฟทิ้งเลย เพราะเป็นคนเสียดายของกิน ต่อให้ไม่อร่อยก็จะพยายามฝืนกินให้หมด แต่มาเคยเทกาแฟทิ้งครั้งแรกก็ที่ WeWork เนี่ยแหละ (ความเห็นเรื่องกาแฟอันเลวร้าย ค่อนข้างเป็นเอกฉันท์ในออฟฟิศ ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือเป็น bias ทางรสนิยมส่วนตัว)