ต้องบอกก่อนว่า FFXV เป็นภาคที่ผมไม่ได้เล่นสักนิด เพราะตอนมันออกปี 2016 ยังไม่มีเครื่อง PS4 + เกมมีปัญหาเยอะ จึงรอเวอร์ชันสมบูรณ์กว่านั้น แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีเวลาเล่นเกม RPG ยาวๆ อีกเลย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้รู้ข้อมูลเชิงลึกของซีรีส์ FFXV มากนัก (จัดเข้ากลุ่มเกมรอเล่นเมื่อว่าง ซึ่งก็ไม่ว่างสักที)
นอกจักรวาลเกม FFXV ยังมีสื่ออื่นๆ มาช่วยเสริมพลังของเกม ซึ่งรอบของ FFXV มีภาพยนตร์เรื่อง Kingsglaive มาประกบ
หลังจาก Square ล้มเหลวอย่างหนักกับภาพยนตร์ Final Fantasy เรื่องแรกคือ Spirited Within (ปี 2000) จนต้องไปรวมกับ Enix ก็ตาม บริษัทก็ยังไม่ยอมละทิ้งฝันเรื่องการทำหนัง และประสบความสำเร็จกับภาพยนตร์เรื่องที่สองคือ FFVII: Advent Children (ปัจจัยสำคัญคือเกมมันดัง มีฐานแฟนๆ เยอะ)
มาถึงปี 2016 Square Enix จึงพยายามผลิตซ้ำความสำเร็จนั้นอีกรอบกับ Kingsglaive ที่เป็นภาพยนตร์ของ FFXV
น่าเสียดายว่า third time’s a charm ไม่เกิดขึ้นกับเคสนี้ เพราะหนังดูไม่ค่อยรู้เรื่องเลย 555
Kingsglaive เป็นหนัง CG ของ Square Enix ที่จับเอาเหตุการณ์คู่ขนานในช่วงเปิดเกม FFXV มาเล่าให้ละเอียด ในมุมมองที่ต่างออกไป
เนื้อเรื่องหลักของ FFXV เป็นสงครามระหว่าง 2 อาณาจักรคือ Lucis กับ Niflheim ที่ยืดเยื้อมาหลายศตวรรษ เนื้อเรื่องในเกมเป็นมุมมองของเจ้าชาย Noctis แห่งอาณาจักร Lucis ที่โดนพระบิดา พระราชา Regis ส่งออกมานอกอาณาจักรร่วมกับมิตรสหายอีก 3 คน เพื่อหลบลี้ภัยสงครามในช่วงที่ Lucis ล่มสลาย แพ้สงคราม
ส่วนเนื้อเรื่องของ Kingsglaive เล่าเหตุการณ์วันที่ Lucis พ่ายแพ้ ถูกยึดครอง ผ่านสายตาของพระบิดา Regis และกลุ่มทหารเสือพระราชาที่เรียกว่า Kingsglaive (แปลตรงตัวว่า ง้าวของพระราชา แต่ดันใช้ดาบสั้นเป็นอาวุธ) ที่มีพลังเวทย์มนตร์จากคริสตัลยักษ์ของ Lucis โดยถ่ายทอดผ่านพลังของพระราชาที่สวมแหวนแห่ง Lucis
พระเอกของหนังคือ ทหารคนหนึ่งในหน่วยที่ชื่อว่า Nyx Ulric ซึ่งเป็นตัวละครออริจินัลที่มีแต่ในหนัง เขาต้องเผชิญหน้ากับคืนวันที่ Lucis ล่มสลายเพราะการบุกรุกของ Niflheim (หนังจบตอนเช้าวันรุ่งขึ้นหลังสงคราม) เนื้อเรื่องที่เหลือคงไม่ต้องเล่าเพราะจะสปอยล์แล้ว
ข้อดีของ Kingsglaive คือ CG สวยงามตามมาตรฐาน งานภาพดูแลโดย Visual Works ทีม CG ของ Square Enix เองที่ทำ CG ให้เกมต่างๆ รวมถึง Advent Children ด้วย ผมเดาเองว่าใช้โมเดลชุดเดียว/ใกล้เคียงกับที่ใช้ในเกม (ปั้นมาทั้งทีแล้วเอาให้คุ้ม)
ส่วนที่ทำได้ละเอียดมากคือฉากต่างๆ ของนครหลวง Insomnia และฉากการต่อสู้ที่แปลกใหม่ดี (ตัวละครหลักสู้โดยมีหุ่นยักษ์สู้กันอีกคู่อยู่เบื้องหลัง) แม้มีจุดให้ติงว่า พวกตัวประกอบฉากในเมืองจะเป็นงานเผาจนรู้สึกแย่ไปหน่อย เหมือนดู CG ประกอบข่าวญี่ปุ่นที่มีมวลชนเยอะๆ มายืนเชียร์ ถ้าปรับตรงนี้ได้ งานภาพจะเนียนมาก
ข้อดีอีกอย่างคือเสียงพากย์ (ผมดูฉบับพากย์อังกฤษ) ที่มีดาราดังคับคั่ง เช่น Sean Bean มารับบทเป็นพระราชา Regis, Lena Headey เป็นนางเอก Lunafreya (ทั้งสองคนมาจาก Game of Thrones ด้วยกันซะด้วย) ส่วนพระเอกของภาคหนังคือ Nyx ก็ได้ Aaron Paul มาพากย์ให้
ที่เหลืออย่างอื่นนั้นถือว่าเข้าขั้นแย่ โดยเฉพาะบทที่เล่าเรื่องไม่ค่อยรู้เรื่อง การปูพื้นตัวละครแบบงงๆ ถ้าไม่อ่านเรื่องของเกมมาก่อนไม่มีทางเข้าใจได้เลย
ระหว่างเรื่องดำเนินไป ยังมีช่องโหว่มากมายในการกระทำของตัวละคร (เช่น ทั้งประเทศมีทหารแค่หน่วยเดียวงั้นหรือ) พอเห็นความพินาศของบท ก็ชวนให้นึกว่าตอนสร้างเขาไม่มีการกลั่นกรองสักเท่าไร เปลืองพลังคนทำ เปลืองทรัพยากรการเรนเดอร์ไปเปล่าๆ
เว็บไซต์ Variety วิจารณ์เอาไว้ว่า ถ้าเรามองว่ามันเป็นหนังโปรโมทเกม ก็คงโอเค แต่ถ้ามองมันเป็นหนังเรื่องเดี่ยวๆ ก็ไม่ได้เรื่องเลย (สมกับคะแนนรีวิวเฉลี่ย 35/100) ซึ่งผมก็เห็นด้วย ถ้าเราเรียก Kingsglaive ว่าเป็นเทรลเลอร์ FFXV ความยาว 2 ชั่วโมงก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าถึงขั้นเสียเงินซื้อแผ่น ดาวน์โหลด หรือซื้อตั๋วไปดูในโรง (ฉายในโรงญี่ปุ่น) ก็น่าเสียดาย
มาถึงปี 2022 เราสามารถดูได้ฟรีผ่านสตรีมมิ่งต่างๆ (ผมดูผ่าน Netflix แต่เห็นมีฉายบน Amazon ด้วย) ในฐานะแฟน Final Fantasy ดูเอาพอเพลินๆ ก็ถือว่าไม่เสียหายอะไรมากนัก
ป.ล. ในฐานะที่ไม่ได้เล่นเกม ดูหนังจบแล้วก็ดูฉากเปิดเรื่องเกม FFXV ก็จะต่อกันพอดี
ภาพประกอบทั้งหมดจาก Final Fantasy Fandom