ออกตัวว่าเป็นแฟนนิยายชุด Jack Ryan หรือบ้างก็เรียก Ryanverse ของ Tom Clancy (ผมอ่านถึงเล่มท้ายๆ ที่แกเขียนคือยุครุ่นลูกที่ไปเคลื่อนไหวผ่านองค์กร The Campus ซึ่งไม่ค่อยสนุกแล้ว พล็อตเริ่มซ้ำๆ) แต่ไม่ค่อยได้ดูหนังที่สร้างจากนิยายมากนัก
Jack Ryan: Shadow Recruit เป็นหนังฉบับปี 2014 ที่เอาโครงเรื่องของ Jack Ryan มาทำเป็นหนัง (ไม่ได้อิงจากนิยายเล่มไหน แต่งพล็อตเอง) และได้ Chris Pine มารับบทเป็น Jack Ryan คนที่สี่ ส่วนผู้กำกับเป็น Kenneth Branagh ที่ยังใช้แนวทางกำกับเองเล่นเองเสมอมา รอบนี้รับบทเป็นตัวร้ายของเรื่อง เศรษฐีชาวรัสเซีย
ตัวนิยายต้นฉบับของ Clancy เขียนในยุคสงครามเย็น ชีวิตของ Jack Ryan เป็นอดีตนาวิกโยธิน ที่ประสบอุบัติเหตุ ฮ. ตก เลยผันตัวมาทำงานภาคการเงินแทน ก่อนจับพลัดจับผลูได้มาเป็น CIA และขยับตำแหน่งสายงานความมั่นคงไปเรื่อยๆ (เป็นรอง ผอ. CIA, เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ, รองประธานาธิบดี และประธานาธิบดี) โดยเนื้อหาในนิยายก็เป็นเรื่องของ Ryan และเพื่อนๆ ที่ต้องเจอปัญหาความมั่นคงและการก่อการร้ายต่างๆ ตามยุคสมัย
ส่วนหนังปี 2014 ตีความชีวิตของ Ryan ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ เขากำลังเรียนเศรษฐศาสตร์ที่อังกฤษ (LSE) แต่เจอเหตุ 9/11 ทำให้ตัดสินใจไปร่วมรบในอัฟกานิสถาน ระหว่างนั้นเจอ ฮ. โดนยิง ประสบอุบัติเหตุเหมือนกัน เลยต้องเลิกเป็นทหาร แต่ผลงานด้านการวิเคราะห์ที่โดดเด่น จึงได้รับการชักชวนให้ทำงานกับ CIA โดย CIA ออกทุนให้กลับไปเรียนจนจบ แล้วเข้าทำงานใน Wall Street ในฐานะสายลับปกปิดของ CIA (พล็อตต่างกันนิดหน่อย)
ชีวิตของ Jack Ryan เวอร์ชันปี 2014 มีแฟนเป็นหมอชื่อ Cathy เหมือนในนิยาย (แต่เหตุในการพบเจอต่างกัน ในหนังเจอตอน Ryan ทำกายภาพบำบัด ในนิยายคือนางเอกเป็นลูกสาวเจ้านายที่ Wall Street มาเจอกันเพราะพ่อแนะนำ) โดยได้ Keira Knightley มาแสดงในบทนี้
Ryan ค้นพบข้อมูลแปลกๆ ในบัญชีของเศรษฐีรัสเซีย ลูกค้าของบริษัท จึงต้องบินไปมอสโกเพื่อสืบหาข้อมูล (ไปทำไมก็ไม่รู้) และแอบสอดแนมเข้าไปในตึกของวายร้ายเพื่อหาข่าว ก่อนพบว่าเป็นแผนการล้างแค้นอเมริกา ด้วยการผสมระหว่างการก่อการร้าย กับการเทขายหุ้นเพื่อให้เศรษฐกิจล่มสลาย (ซึ่งฟังดูแปลกๆ ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลย) เรื่องที่เหลือเป็นการไล่ล่ากันในรัสเซียเพื่อช่วย Cathy ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ก่อนบินข้ามครึ่งโลกมาล่าคนร้ายในนิวยอร์กต่อในเช้าวันถัดไป (ด้วยเหตุผลเดียวว่าให้พระเอกมีบทจับคนร้าย ซึ่งไม่สมเหตุสมผลเลย)
พอเป็นพล็อตแต่งเองแบบนี้ ทำให้ Shadow Recruit ออกทะเลไปมากๆ (ระดับมหาสมุทรแอตแลนติกเลยทีเดียว)
- ตัวละครสำคัญในเรื่องคือ Kevin Costner ที่เป็นหัวหน้าหน่วย CIA ที่ดึง Ryan มาร่วมทีม (เป็นตัวละครใหม่ในหนัง มาแทนบทของ James Greer รอง ผอ. CIA ในฉบับนิยาย) ดูมีตำแหน่งสูง เข้าถึงข้อมูลมหาศาล สั่งการหน่วยความมั่นคงได้ทั้งอเมริกา แต่กลับต้องมาร่วมปฏิบัติการเองในมอสโก (ปีนตึกไปส่องกล้องเอง ยิงปืนเอง) อย่างไม่ค่อยมีเหตุผล
- แรงจูงใจของ Cherevin วายร้ายของเรื่องก็สับสนงงงวยมาก ว่าแก้แค้นไปเพื่ออะไร พอหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยทำพลาด ก็ยิงทิ้งง่ายๆ แต่พอปฏิบัติการทั้งหมดล้มเหลว ก็ไปยืนรอรัฐมนตรีของรัสเซียยิงทิ้งง่ายๆ อีก
- ตอนแรก Ryan สับสนชีวิต ไม่เคยฆ่าคนมาก่อน มือไม้สั่น แต่พอถึงบทที่ Ryan จะโชว์เทพ วิเคราะห์ข้อมูลรวดเร็ว รู้ทันทีว่าคนร้ายอยู่ที่ไหนในอเมริกา ก่อนที่จะวิ่งไล่จับคนร้ายเองอีก ก็ยิ่งดูแปลกๆ เข้าไปใหญ่ เรียกว่าเก่งทั้งบุ๋นและบู๊แบบโอเวอร์ (Ryan ในนิยายเน้นบุ๋นมากกว่าบู๊ แต่นี่เหมือนเป็น Jason Bourne มากกว่าอีก)
- Cathy เป็นตัวละครที่น่ารำคาญที่สุดในเรื่อง (ขนาดแฟนคลับ Keira แบบผมยังรำคาญ) เพราะครึ่งเรื่องแรกเอาแต่หึงหวง กลัว Ryan ไปมีชู้ (แต่จริงๆ ไปทำภารกิจ CIA) ในขณะที่ครึ่งหลังก็พลิกบทเลย ยอมช่วยทุกอย่าง เสียสละหมด
ประเด็นหนึ่งที่สงสัยขณะดูหนังคือ หนังวางบทให้รัสเซียเป็นคนร้ายขนาดนี้ ไปถ่ายหนังที่รัสเซียจะยอมเลยเหรอ มาได้คำตอบว่า ฉากรัสเซียส่วนใหญ่ถ่ายที่อังกฤษแทน อาจมีแค่พวกฉาก landscape สำคัญๆ บางอันเท่านั้นที่ต้องไปถ่ายที่รัสเซีย
หนังได้คะแนนรีวิวเฉลี่ย 5.6/10 ก็ไม่น่าแปลกใจนัก คำวิจารณ์อันหนึ่งที่อ่านแล้วชอบคือ “It’s a product constructed out of spare parts” รู้สึกเหมือนเอาพล็อตหนังสายลับหลายๆ อันมายำๆ รวมกันแล้วแปะป้ายคำว่า Jack Ryan เข้าไป อะไรประมาณนั้น
อ่านบทสัมภาษณ์ของ Chris Pine เอง เขาก็ยอมรับว่าเสียใจที่หนังเรื่องนี้ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะเรื่องพล็อต
“That’s one of my deep regrets, that we didn’t totally get that right. It’s a great franchise, and if it’s not me, then I hope it gets a fifth life at this point. It’s just great. I love the spy genre. I hope it’s done again and with a great story.”
หลังจากหนังปี 2014 ยังมีซีรีส์ Jack Ryan ที่ฉายทาง Amazon Prime ตอนนี้มี 3 ซีซันแล้ว (แต่ยังไม่เคยดูเลย)