บันทึก 24 ชั่วโมงแรกกับ Galaxy Note 10 ในฐานะเครื่องส่วนตัว ส่วนรีวิวยาวๆ อ่านกันเองตามลิงก์
กระบวนการให้ได้มา
- ซื้อผ่านหน้าร้านออนไลน์ของ Samsung ตอนห้าทุ่มของวันที่ 28 ส.ค.
- ของมาส่งวันที่ 30 ส.ค. ก็ถือว่าโอเคเลยนะ คนส่งคือ DHL โดยแจ้งมาทาง SMS แต่เช้าว่าจะมาส่งวันนี้ แต่กว่าจะมาถึงบ้านจริงๆ ก็คือเย็นแล้ว (ถ้ามาส่งแต่เช้าเลยก็ถือว่าเทพมาก)
สีที่เลือก
- สีที่สวยมากๆ คือสีแดง Aura Red สวยแบบ โอ โคตรๆ สวยลืมตาย
- แต่อินดี้ไม่เน้นขายครับ ในไทยไม่ขาย ในอเมริกาก็ไม่ขาย แล้วมันขายประเทศไหนกัน (วะ)
- จากตัวเลือกที่มีอยู่ สีที่สวยรองลงมาคือ Aura Glow สีรุ้งเรืองแสงนี่แหละ ก็สรุปเอาตัวนี้
It is so charming.
via:Tinhte pic.twitter.com/3BQNzV6kwc— Ice universe (@UniverseIce) August 27, 2019
แรกสัมผัส
- ความสูงของตัวเครื่องเท่ากับ Note 8 แต่เครื่องกว้างกว่า และเหลี่ยมกว่า
- เนื่องจากใช้ Note 8 อยู่แล้ว เลยไม่รู้สึกแปลกแยกนัก เพราะคุ้นกับ Samsung Android มาตลอด แต่ถ้าย้ายมาจาก Google Android หรือข้ามมาจาก iOS เลยคงรู้สึกขัดๆ พอสมควรในช่วงแรก
- ดูข้างหลังมันเหมือน Huawei P30 มาก ตำแหน่งกล้องด้วย แค่เรืองแสงขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
ชอบ
- หน้าจอใหญ่เต็มตาสะใจ (จนเริ่มรู้สึกว่ามันใหญ่เกินไปละ)
- ทำงานลื่นดี รวดเร็วดี
- Smart Switch ของซัมซุง โอนข้อมูลจากเครื่องเก่ามาสะดวกดี จนคิดว่าควรยกโค้ดให้กูเกิลเอาไปใส่ AOSP เป็นมาตรฐานเลย
- Bixby ถูกลดความสำคัญลงไป แต่ก็ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง ต้องไล่ปิดให้หมดอยู่ดี
ไม่ชอบ
- ปุ่ม Power ย้ายมาอยู่ด้านซ้ายมือ ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร (ไม่มีเหตุผลอธิบาย) ต้องมาฝึก muscle memory กันใหม่
- เพิ่งค้นพบ ธีมและวอลล์เปเปอร์ Infinity ที่เป็นรูปดาวหายไป มันเริ่มใช้ตอน S8 ตามมาด้วย Note 8 แต่พอมาถึง Note 10 ไม่มีให้ใช้แล้ว และไม่สามารถไปโหลดของ S8/Note 8 มาใส่ได้ด้วย อันนี้แย่มาก เพราะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ซัมซุงทำออกมาได้ดีมาก สวยมาก (ไม่แน่ใจว่าหายไปตั้งแต่ตอน Note 9 รึเปล่า)
- หน้าจอ Setup มือถือใหม่ของซัมซุง ยังมีความ “เยอะ” อย่างสม่ำเสมอ คือต้องกดผ่านประมาณสัก 10 หน้า กรอกโน่นกรอกนี่กว่าจะได้เห็นหน้าโฮม ปกติแล้วคือกด Skip ทุกอย่างแล้วค่อยมาทยอยกรอกเอง ตั้งค่าเองทีหลัง
พอร์ตหูฟัง
- การไม่มีพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. ไม่กระทบมากนัก เพราะเจอปัญหานี้ตั้งแต่ตอนซื้อ Pixel 3 แล้ว และเลือกแก้ปัญหาโดยการทยอยซื้อหูฟัง USB Type-C มาเก็บไว้ตามที่ต่างๆ เช่น บ้าน ติดกระเป๋า ฯลฯ
- ไม่ได้เป็นคนฟังเพลงผ่านหูฟังอยู่แล้ว ใช้หูฟังเพื่อ Call อย่างเดียว ปัญหาจึงเบาบางลง เพราะไม่ได้มีหูฟังราคาแพงที่เป็น 3.5 มม. เก็บไว้เลยสักตัว
- ในกล่องแถมหูฟัง Type-C AKG แต่ยังไม่ได้ลอง คิดว่ามือถือราคาระดับนี้ก็ควรใจกว้าง แถมหัวแปลง Type-C to 3.5 มาอีกสักนิดไม่ให้โดนด่านะ
ยังไม่ได้ลองจริงจัง
- กล้อง
- ปากกา S Pen
- สแกนลายนิ้วมือ
- ปลดล็อคด้วยกล้องหน้า
- DeX