Frozen เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันระดับประวัติศาสตร์ของ Disney ทั้งในแง่เสียงวิจารณ์ รายได้ และผลกระทบในเชิง pop-culture มหาศาล
พลังของ Frozen รุนแรงมากในระดับที่ดันให้มีหนังใหญ่ภาคต่อได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ Disney (ไม่นับภาคต่อพวก direct-to-video)
แต่ในทางกลับกัน ความสำเร็จของ Frozen ภาคแรกก็เป็นแรงกดดันมหาศาลให้ Frozen II ต้องทำให้ได้อย่างน้อยก็เสมอตัว ไม่ซ้ำรอยความผิดพลาดของหนังภาคต่อเรื่องดังๆ ที่ล้มเหลวมาแล้วนับไม่ถ้วน
Frozen II ใช้ทีมงานหลักชุดเดิมแทบทั้งหมด ไม่ว่าผู้กำกับ เขียนบท โปรดิวเซอร์ นักพากย์ คนแต่งเพลง ฯลฯ ดังนั้นเราตัดความผันแปรเรื่องบุคลากรออกไปได้
แต่สุดท้ายแล้ว Frozen II ไม่สำเร็จ กลายเป็นหนังภาคต่อที่เอาใจแฟนๆ อย่างเดียว ภาพสวย แต่ดูไม่สนุกเลย
Frozen II เป็นความพยายาม (จนเกินไป) ของ Disney ที่นำตัวละครเซ็ตเดิม มาดีลกับปัญหาในโลกยุคใหม่ๆ ทั้งเรื่องชนกลุ่มน้อยและสิ่งแวดล้อม พยายามนำเด็กๆ ที่เคยชื่นชอบและหลงใหลในโลกเทพนิยาย สู่ปัญหาที่ซีเรียสขึ้นในโลกความเป็นจริง
แต่ความพยายามจนเกินไปอันนี้ ทำให้ละเลยแก่นของสื่อบันเทิงไป นั่นคือ “มันดูไม่สนุก”
ผมคิดว่าปัญหาหลักๆ เรื่องบทของ Frozen II คือ เราไม่รู้ว่าตัวละครหลักกำลังสู้อยู่กับอะไร การใช้สัญลักษณ์แทนมากเกินไปจน abstract และไม่มีการอธิบายที่ชัดเจน ทำให้ปมหลักของเรื่องจับต้องไม่ได้มากนัก ว่า Elsa และผองเพื่อนกำลังทำอะไรอยู่ (ดูจนจบแล้วยังไม่รู้เลยว่าทำไม Elsa ต้องเปลี่ยนชุด ยกเว้นทำไปเพื่อเตรียมขายของที่ระลึก)
การทำหนังอนุรักษ์ธรรมชาติ สู้เพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อย คงไม่ผิดอะไร ถ้าตัวหนังมันดูสนุกด้วยตัวเองก่อน
อีกเรื่องที่รู้สึกว่าดร็อปลงคือ เพลงประกอบ ถึงแม้เป็นทีมงานเดิม แต่พอแกนเรื่องไม่ชัด เพลงของภาค 2 เลยไม่ส่งพลังไปกับตัวหนังด้วย โดยเฉพาะเพลงหลัก Into the Unknown เทียบกับ Let It Go แล้วสู้กันไม่ได้เลยแบบทิ้งขาด
สิ่งเดียวที่น่าชมเชยคือ งานภาพที่ทำได้สวยงาม ลงรายละเอียดทุกดีเทล การกำกับศิลป์ทำได้ดี ออกแบบชุด เสื้อผ้าหน้าผมได้น่าประทับใจ
ในแง่ธุรกิจ Frozen II ยังทำรายได้ดีเยี่ยม (ตัวเลขรายได้รวม 1.45 พันล้านดอลลาร์) แต่น่าจะเป็นเพราะแต้มบุญสะสมไว้จากภาคแรก แถมการมีเรื่องภาคต่อแบบ official ก็น่าจะช่วยทำเงินทางอ้อมให้ Disney ได้อีกมาก (แค่ขายชุดใหม่ๆ ของ Elsa/Anna ก็คงรวยมหาศาลแล้ว)
แต่ในแง่ภาพยนตร์อย่างเดียว ก็ต้องบอกว่า Frozen II ไม่สนุก และน่าเสียดายในโอกาสที่อุตส่าห์ได้มานี้ (ส่วนตัวก็รู้สึกดีที่ดูผ่าน Disney+ ไม่ได้ไปดูในโรง)