แอนิเมชันรอบปลายปี 2021 ของดิสนีย์ (รอบต้นปีคือ Raya and the Last Dragon) เป็นเรื่องของ “บ้านวิเศษ” ในแถบละตินอเมริกัน ที่สมาชิกในครอบครัวมีพลังพิเศษแตกต่างกันไป แต่นางเอก Mirabel กลับเป็นคนเดียวที่ไม่ได้พรวิเศษแบบคนอื่นๆ กลายเป็นปมด้อยในใจของเธอมายาวนาน
Encanto ยังเดินหน้าตามสูตรหนังดิสนีย์ยุคใหม่ (ตามที่เขียนไว้ในตอน Raya) คือเน้นเรื่อง diversity ของตัวละคร (ในที่นี้คือละตินอเมริกัน) และใช้สูตร no villain ไม่มีตัวร้ายชัดเจน ตัวเอกต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์แทน
สูตรเรื่องแบบใหม่ของดิสนีย์เริ่มใช้มาสักพักแล้ว แต่ไม่ค่อยเวิร์คนักใน Frozen II และ Raya อย่างไรก็ตาม Encanto กลับหาจุดลงตัวได้ดี ทำให้หนังสนุกและน่าติดตามเกือบตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งผมเห็นด้วยกับบทความนี้ของ Polygon ว่า Encanto ทำในสิ่งที่ Frozen II และ Raya ทำไม่สำเร็จ
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะธีมหลักของ Encanto คือ “ครอบครัว” (คล้ายกับ Coco มาก บวกกับความเป็นละตินอเมริกันเหมือนกัน และเป็นหนังมิวสิคัลเหมือนกันอีก ทำให้อารมณ์ค่อนข้างใกล้เคียงกัน)
พอเป็นหนังเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ต้องเน้นเรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวอย่างมาก ทำให้เราผูกพันกับตัวละครขึ้นมาก (เทียบกับ Raya ที่ต้องไปตามหาพรรคพวกต่างเผ่า Mirabel คุยแต่กับคนในครอบครัวเท่านั้น) สเกลของหนังก็ไม่ได้ใหญ่เกินไป (ไม่ต้องกู้โลกแบบ Elsa หรือ Raya เพราะ Mirabel อยากแค่ซ่อมบ้านเท่านั้น) พอขมวดปมแล้วลงตัวกำลังดี
จุดเดียวที่ผมไม่ค่อยชอบกับหนังดิสนีย์ยุคหลัง ซึ่งกรณีนี้รวมถึง Encanto ด้วย คือ หนังไม่อธิบาย mechanic ในโลกของหนัง ปล่อยให้เราตีความเอาเอง กรณีของ Encanto คือดูไปจนจบแล้ว หนังก็ยังไม่บอกว่าทำไมคนในตระกูลถึงมีเวทย์มนตร์ และทำไม Mirabel ถึงไม่มีเวทย์มนตร์กับเขา
บทความอีกชิ้นใน Polygon ไปสัมภาษณ์ผู้กำกับ บอกว่านี่คือสิ่งที่ตั้งใจไม่เอ่ยถึง เพราะแก่นของหนังไม่ใช่เรื่องทำไมถึงไม่มีเวทย์มนตร์ แต่การไม่มีเวทย์มนตร์ของ Mirabel เป็นสิ่งที่เปิดให้คนดูตีความ โดยนำประสบการณ์เดียวดายของตัวเองไปโยงกับความเดียวดายของ Mirabel
In fact, the film never reveals exactly why she didn’t get powers in the first place. Bush says that isn’t what the story is meant to be about.
“I think there are so many reasons that people can relate to Mirabel about feeling left out and lesser-than,” he tells Polygon. “Rather than put some magical reason why, I think it’s clear in the film that she is who she needs to be for a very good reason.”
Bush explains that from the moment the movie was conceptualized, the filmmakers knew Mirabel would be the main character. In a family full of magic users, she immediately became the perfect vehicle for the story, and more importantly, a sympathetic character for the audience.
“This one young woman just was not given the same opportunity as the rest of these extraordinary people,” explains Bush. “The empathy was just there for her from the beginning [..] I love that the reason [she lacks powers] isn’t exactly stated.”
ดูจบแล้วตามไปอ่านเบื้องหลังการสร้างหนัง พบว่าทีมผู้สร้างคือทีมจาก Zootopia ได้แก่ ผู้กำกับ Byron Howard และผู้เขียนบท Jared Bush (Zootopia ถือเป็นหนังดิสนีย์ยุคหลังๆ ที่ผมค่อนข้างชอบเลยล่ะ) พ่วงด้วยนักแต่งเพลงชื่อดัง Lin-Manuel Miranda ที่สร้างชื่อมาจากละครเวที In the Heights และ Hamilton จึงไม่น่าแปลกใจที่เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ออกมาดีและดัง โดยเฉพาะเพลง We Don’t Talk About Bruno ที่กลับฮิตเกินคาด
วัฒนธรรมและเซ็ตติ้งในเรื่องเป็นละตินอเมริกันแบบ magic realism (ภาษาไทยแปลว่า สัจนิยมมหัศจรรย์) ซึ่งนิยมใช้ในหมู่นักเขียนสายละตินอยู่แล้ว (เช่น กาเบรียล มาร์เกซ) ถึงแม้ในหนังไม่ระบุประเทศ แต่ทีมงานก็อิงจากวัฒนธรรมของโคลอมเบียเป็นหลัก
ในแง่วิชวลและการออกแบบตัวละคร เกร็ดเล็กๆ อันหนึ่งที่น่าสนใจ (ผมเองก็ไม่สังเกตเห็นตอนดู) คือพอตัวละครในครอบครัวมีเยอะ ทีมออกแบบจึงแยกแยะครอบครัวย่อยแต่ละฝั่งด้วยสีของเครื่องแต่งกาย นั่นคือ ครอบครัวฝั่งของ Julieta (แม่ของ Mirabel) ใช้ชุดโทนสีฟ้า ส่วนครอบครัวฝั่ง Pepa (อาของ Mirabel) ใช้ชุดโทนสีเหลือง
ในขณะที่คุณยาย Alma ในฐานะคนกลาง ใช้ชุดสีแดง และอา Bruno ที่เป็นอีกสายแยกไป ก็ใช้ชุดสีเขียว ไม่ปนกัน
ในภาพรวมก็คือชอบและดี หวังว่าดิสนีย์เจอสูตรการเล่าเรื่องแบบใหม่ที่ลงตัวแล้ว เรื่องถัดๆ ไปจะไม่ “เกร็ง” จนเกินไปจนไม่สนุกอีก