[spoiler alerted]
ต้องยอมรับว่า Code Geass: Lelouch of the Rebellion เป็นการ์ตูนหุ่นยนต์ที่น่าจะสนุกที่สุดเท่าที่เคยดู ด้วยเหตุผลว่าเป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศที่ซับซ้อน และการต่อสู้กันด้วยแทคติกการรบ (เพราะพระเอกบู๊ไม่เป็น) มากกว่าการขี่หุ่นปะทะกันในเชิงกายภาพเหมือนการ์ตูนเรื่องอื่นๆ
ซีรีส์ Code Geass ทางทีวี 50 ตอน ฉายระหว่างปี 2006-2008 จบลงไปนานกว่าสิบปีแล้ว เนื้อเรื่องจบเคลียร์ไม่มีอะไรคาใจ ยกเว้นตอนจบสุดท้ายที่เราเห็น C.C. นั่งเกวียนแล้วมีผู้ชายอีกคนที่มองไม่เห็นหน้าว่าเป็นใคร ทิ้งให้แฟนๆ ถกเถียงกันว่าพระเอก Lelouch ตายหรือรอด
เวลาผ่านมา 10 ปีกว่าๆ Sunrise ก็ทำภาคต่อเป็นหนังโรง 2 ชั่วโมงในชื่อว่า Code Geass: Lelouch of the Re;surrection ฉายเมื่อปี 2019 จากชื่อก็ชัดเจนในตัวว่า พระเอกรอด
โจทย์ของหนังจึงเป็นว่าทำอย่างไรให้เนื้อเรื่องที่จบลงไปหมดแล้วในซีรีส์ ยังน่าสนใจต่อไปในภาคหนัง
มีโอกาสได้ดูภาค Re;surrection ทาง Netflix ในฐานะแฟนๆ ก็ต้องยอมรับว่าดีใจที่ได้เห็นภาคต่อ แม้ลืมตัวละครรองๆ ไปเกือบหมดแล้วก็ตาม (ต้องนั่งระลึกชาติอยู่นานว่า คนนี้ใครนะ) และการเขียนบทภาคต่อของ Sunrise ก็ทำได้ดีทีเดียว
เนื้อเรื่องของภาค Re;surrection เป็นเหตุการณ์ 2 ปีถัดมาต่อจากภาคทีวีซีรีส์ โลกหลังเหตุการณ์ Zero Requiem (จักรพรรดิ Lelouch สละชีวิตตัวเองเป็นคนร้ายให้ Zero ฆ่า) สงบสุขดี
น้องสาวของพระเอกคือ Nunnally เป็นทูตสันติภาพไปเยือนหมู่บ้านคนอพยพที่ประเทศสมมติ Zilkhistan แถวเอเชียกลาง และมี Suzaku ในคราบ Zero ตามไปคุ้มครอง แต่กลับเจอการโจมตีจากกองทหารหุ่นยนต์ลึกลับ โดย Suzaku ที่น่าจะเป็นคนขับหุ่น Knightmare Frame ที่เก่งที่สุดในยุคสมัยกลับแพ้ เพราะหุ่นไม่ได้เตรียมอาวุธไปดีพอ และโดนศึกษาวิธีการเคลื่อนไหวอย่างละเอียด ทำให้สองคนถูกจับตัวไป
ในอีกทาง C.C. ที่เดินทางไปทั่วโลกก็พาเอา Lelouch ที่ไร้ความทรงจำไปด้วย โดยอธิบายว่า Lelouch รอดมาจากเหตุการณ์ในภาคซีรีส์ แต่วิญญาณยังค้างอยู่ในโลกแห่ง C ทำให้ไร้ความทรงจำ แถมช่วงท้ายๆ ภาคซีรีส์นั้น Lelouch ดันใช้ Geass ฆ่าพระเจ้าในโลกวิญญาณไปแล้ว ทำให้ C.C. ไม่สามารถข้ามกลับไปโลกวิญญาณเพื่อนำวิญญาณของ Lelouch กลับมาได้ ทางเดียวที่ทำได้คือต้องไปตามหาประตูโลกวิญญาณที่ยังหลงเหลืออยู่
ประตูที่ว่านั้นอยู่ใน Zilkhistan เพราะราชวงศ์ของประเทศนี้ก็มี Geass โดยเป็นสาขาย่อยขององค์กรที่ C.C. เคยสังกัดอยู่ และยังสืบทอดกันต่อมา เรื่องเฉลยว่าประเทศ Zilkhistan ส่งออกนักรบและอาวุธเป็นหลัก เมื่อโลกสงบสุขทำให้เศรษฐกิจฝืดเคือง พระราชินีซึ่งเป็นตัวร้ายของภาคนี้จึงต้องการตัว Nunnally ที่มีสายเลือดของ Lelouch เพื่อเปิดประตูสู่โลกวิญญาณ
ฝ่ายจักรวรรดิ Britannia เลยส่งนักรบที่ประกอบด้วย Kallen และพวกมาชิงตัว Nunnally และ Suzaku กลับคืนแบบลับๆ เพื่อไม่ต้องให้เปิดสงครามเต็มขั้น เลยบังเอิญได้มาเจอกับ C.C./Lelouch ที่อยู่ใน Zilkhistan ด้วยเช่นกัน
ครึ่งแรกของเรื่องจึงเป็นการพยายามฟื้นฟูความจำของ Lelouch ในคุกใต้ดินของ Zilkhistan ที่มีประตูวิญญาณเก่าแก่ซ่อนอยู่ (ซึ่งย่อมต้องฟื้นฟูสำเร็จ) ส่วนครึ่งหลังของเรื่องคือคณะของ Lelouch ต้องพยายามชิงตัว Nunnally กลับคืนมา ด้วยปฏิบัติการลับทางทหาร ที่มีตัวละครเดิมๆ บางตัว (เช่น องค์หญิง Cornelia พี่ต่างแม่ของพระเอก) มาช่วยเหลือ
ใน Code Geass ภาคซีรีส์เป็นสงครามขนาดใหญ่ระดับโลก ที่มหาอำนาจโลก (ญี่ปุ่น vs Britannia) ต่อสู้กันด้วยกองทหารขนาดใหญ่ แต่เมื่อสงครามสงบไปหมดแล้ว โจทย์ของภาคหนังจึงเป็นว่าทำอย่างไรที่การต่อสู้ในภาคนี้จึงน่าสนใจ เพราะศัตรูรายใหม่กระจอกกว่าเดิมมาก (ฮา)
ภาคหนังทำได้ดีตรงที่บีบให้เป็นสงครามจำกัดวง เช่น ช่วงแรกฝ่ายพระเอกไม่มีหุ่นของตัวเอง ต้องขโมยมา หรือนักบินเทพๆ อย่าง Suzaku ก็ไม่เต็มร้อย เพราะบาดเจ็บตอนถูกจับขัง แม้ตอนหลังฝ่ายพระเอกมีคนมาช่วยเหลือบ้าง แต่ก็เป็นกองกำลังขนาดเล็กที่มีหุ่นเพียงไม่กี่ตัว ไม่ใช่กองทัพใหญ่ของ Britannia ที่ตามมาช่วยในภายหลัง
อีกประเด็นที่ทำได้ดีคือ ตัวร้าย ราชินี Shamna ก็มี Geass ที่ทรงพลังคือรีเซ็ตเวลาได้เมื่อแพ้ (ข้อจำกัดคือรีเซ็ตได้ 6 ชั่วโมง) ทำให้กลายเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีกับ Lelouch เจ้าแทคติกที่สร้างความเป็นไปได้หลายทาง แม้สุดท้าย Lelouch ทุ่มเสี่ยงจาก 2 ตัวเลือกที่เหลืออยู่ จนประชิดตัว Shamna และเอาชนะได้ก็ตาม (ตรงนี้สนุกดี น่าเสียดายว่าหนังรวบรัดไปหน่อย ถ้าขยายเรื่องการสู้กันด้วยแทคติกระหว่าง 2 คนนี้จะสนุกกว่านี้อีกมาก)
ข้อเสียของภาคนี้คือฉากบู๊เพราะไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นมากนัก สองนักบินที่เก่งที่สุดทั้ง Suzaku และ Kallen ไม่มีคู่ต่อสู้ที่สูสี (แถมดูแล้วรำคาญเล็กน้อยว่าสู้อะไรกันนานจนเช้า) และตัวละครฝ่ายร้ายที่เพิ่มเข้ามาก็ไม่มีใครน่าสนใจ น่าดึงดูดเลยสักคน
ฉากจบของเรื่องเป็นการตอบคำถามแฟนๆ เรื่องคู่จิ้น ว่าสุดท้ายแล้ว Lelouch เลือกไปอยู่กับ C.C. เอาชนะสาวๆ อีกหลายคนในเรื่อง (ซึ่งน่าสงสารเพราะผมเชียร์ Kallen) แถมยังเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น L.L. ให้เข้ากับ C.C. ด้วยอีกต่างหาก
ดูจบแล้วอ่านบทวิจารณ์ในเน็ต มีคนบอกว่าตอนจบนั้น C.C. และ L.L. ผันตัวเองไปเป็นผู้ค้นหาและคัดเลือกคนที่เหมาะกับการมี Geass (คนที่ตายในตอนจบคือคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์) ซึ่งถ้า Sunrise จะทำภาคต่อในจักรวาล Code Geass อีก ตัวเอกรุ่นหน้าก็คือคนที่ผ่านการปลูกฝัง Geass จากสองคนนี้ ซึ่งก็เป็นแนวทางที่เข้าท่าดี
ในฐานะแฟนของซีรีส์ การได้ดูภาคต่อก็ถือเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แม้เนื้อเรื่องออกฝืนๆ ไปบ้างเพราะเรื่องในซีรีส์มันจบไปหมด ก็ถือว่าทำได้ดีกว่าที่หวังไว้ (แม้เนื้อเรื่องบางจุดในหนังมันยังฝืนๆ อยู่ดีแหละ)